โดย นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน
จังหวัดสตูล เป็นหนึ่งในจังหวัดชายแดนภภาคใต้ เป็นจังหวัดหนึ่งที่น่าสนใจ
เดิมผู้เขียนรู้สึกเฉยๆกับจังหวัดสตูล ด้วยผู้เขียนมีแต่เพื่อนชาวสตูลที่เรียนมาด้วยกันที่กรุงเทพฯ
แต่ผู้เขียนไม่เคยเดินทางสัมผัสจังหวัดสตูลเลย แต่ต่อมาผู้ขียนไม่เดินทางไปสัมผัสจังหวัด
และศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับจังหวัดสตูล ทำให้ผู้เขียนสนใจจังหวัดสตูล
ในครั้งนี้จึงขอเสนอเกี่ยวกับจังหวัดสตูล โดยนำประวัติจังหวดสตูลที่ผู้เขียนเก็บข้อมูลนำมาจากหลายหลายแหล่ง
ประวัติความเป็นมาของจังหวัดสตูลในสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา
และในสมัยกรุงศรีอยุธยาไม่ปรากฏหลักฐานกล่าวไว้ ณ ที่ใด สันนิษฐานว่าในสมัยนั้น
ไม่มีเมืองสตูล คงมีแต่หมู่บ้านเล็ก ๆ กระจัดกระจายอยู่ตามที่ราบชายฝั่งทะเล
ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สตูลเป็นเพียงตำบลหนึ่งอยู่ในเขตเมืองไทรบุรี ฉะนั้นประวัติความเป็นมาของจังหวัดสตูล จึงเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของเมืองไทรบุรี ดังปรากฎในหนังสือพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 2 ว่า "ตามเนื้อความที่ปรากฏดังกล่าวมาแล้ว ทำให้เห็นว่าในเวลานั้น พวกเมืองไทรเห็นจะแตกแยกกันเป็นสองพวก คือ พวกเจ้าพระยาไทรปะแงรันพวกหนึ่ง และพวกพระยาอภัยนุราชคงจะนบน้อมฝากตัวกับเมืองนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะเมื่อพระยาอภัยนุราชได้มาเป็นผู้ว่าราชการเมืองสตูล ซึ่งเขตแดนติดต่อกับเมืองนครศรีธรรมราช พวกเมืองสตูลคงจะมาฟังบังคับบัญชาสนิทสนมข้างเมืองนครศรีธรรมราชมากกว่าเมืองไทร แต่พระยาอภัยนุราชว่าราชการเมืองสตูลได้เพียง 2 ปี ก็ถึงแก่อนิจกรรม ผู้ใดจะได้ว่าราชการเมืองสตูล ต่อมาในชั้นนั้นหาพบจดหมายเหตุไม่ แต่พิเคราะห์ความตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง เข้าใจว่าเชื้อพระวงศ์ของพระอภัยนุราช (ปัศนู) คงจะได้ว่าราชการเมืองสตูลและฟังบังคับบัญชาสนิทสนมกับเมืองนครศรีธรรมราชอย่างครั้งพระยาอภัยนุราชหรือยิ่งกว่านั้น"
เรื่องเกี่ยวกับเมืองสตูลยังปรากฎในหนังสือพงศาวดารเมืองสงขลา
แต่ข้อความที่ปรากฎบางตอนเกี่ยวกับชื่อผู้ว่าราชการเมืองสตูล ไม่ตรงกับพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่ 3 ประวัติเกี่ยวกับเมืองสตูลในการจัดรูปแบบการปกครองเมือง
ตามระบอบมณฑลเทศาภิบาลว่า ในปี 1897 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รักษาเมืองไทรบรี
เมืองเปอร์ลิส และเมืองสตูลเป็นมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า "มณฑลไทรบุรี"
โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาไทรบุรีรามภักดี เจ้าพระยาไทรบุรี (เต็งกูอับดุลฮามิด)
เป็นข้าราชการเทศาภิบาลมณฑลไทรบุรี เมืองสตูลได้แยกจากเมืองไทรบุรีอย่างเด็ดขาด
ตามหนังสือสัญญาไทยกับอังกฤษเรื่องปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับสหพันธรัฐมลายู
ซึ่งลงนามกันที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ร.ศ.127 (1909) จากหนังสือสัญญานี้ยังผลให้ไทรบุรีและเปอร์ลิสตกเป็นของอังกฤษ
ส่วนสตูลเป็นของไทยสืบมาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อปักปันเขตแดนเสร็จแล้ว
ได้มีพระราชโองการโปรดให้เมืองสตูลเป็นเมืองจัตวารวมอยู่ในมณฑลภูเก็ต เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ร.ศ. 128 (1910)
ในปี 1932 ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย
เมืองสตูลก็มีฐานะยกเป็นจังหวัดหนึ่งอยู่ในราชอาณาจักรไทยสืบต่อมา
จนถึงกระทั่งทุกวันนี้
คำว่า"สตูล" มาจากคำภาษามลายูว่า
"สโตย" แปลว่ากระท้อน อันเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ขึ้นอยู่ชุกชุมในท้องที่เมืองนี้
ซึ่งต่อมาได้รับการตั้งสมญานามเป็นภาษามลายูว่า "นครสโตยมำบังสการา (Negeri Setoi Mambang Segara) "
จังหวัดสตูล แม้จะอยู่รวมกับไทรบุรีในระยะเริ่มแรกก็ตาม
แต่จังหวัดสตูลก็เป็นจังหวัดที่มีดินแดนรวมอยู่ในประเทศไทยตลอดมา ระยะแรก ๆ
จังหวัดสตูล แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 2 อำเภอ กับ 1 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอมำบัง
อำเภอทุ่งหว้า และกิ่งอำเภอละงู ซึ่งอยู่ในการปกครองของอำเภอทุ่งหว้า ต่อมาปี 1939 ได้เปลี่ยนชื่ออำเภอมำบังเป็นอำเภอเมืองสตูล
สำหรับอำเภอทุ่งหว้า ซึ่งในสมัยก่อนนั้นเจริญรุ่งเรืองมาก
มีเรือกลไฟจากต่างประเทศติดต่อ ไปมาค้าขายและรับส่งสินค้าเป็นประจำ
สินค้าสำคัญของอำเภอทุ่งหว้า คือ "พริกไทย"
เป็นที่รู้จักเรียกตามกันในหมู่ชาวต่างประเทศว่า"อำเภอสุไหงอุเปะ "
ต่อมาเมื่อประมาณปี 1914
การปลูกพริกไทยของอำเภอทุ่งหว้าได้ลดปริมาณลง
ชาวต่างประเทศที่เข้ามาทำการค้าขายต่างพากันอพยพกลับไปยังต่างประเทศ
ราษฎรในท้องที่ก็พากันอพยพไปหาทำเลทำมาหากินในท้องที่อื่นกันมาก
โดยเฉพาะได้ย้ายไปตั้งหลักแหล่งที่กิ่งอำเภอละงูมากขึ้น
ทำให้ท้องที่กิ่งอำเภอละงูเจริญขึ้นอย่างรวมเร็ว และในทางกลับกัน
ทำให้อำเภอทุ่งหว้าซบเซาลง
ครั้งถึง 1930 ทางราชการพิจารณาเห็นว่ากิ่งอำเภอละงูเจริญขึ้น
มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นกว่าอำเภอทุ่งหว้า จึงได้ประกาศยกฐานกิ่งอำเภอละงูเป็นอำเภอ
เรียกว่า อำเภอละงู และยุบอำเภอทุ่งหว้าเดิมเป็นกิ่งอำเภอทุ่งหว้า เรียกว่า
กิ่งอำเภอทุ่งหว้า ขึ้นอยู่ในการปกครองของอำเภอละงู ต่อมาในปี 1973 กิ่งอำเภอทุ่งหว้าจึงได้รับสถานะเดิมกลับคืนมาเป็นอำเภอทุ่งหว้า
ปัจจุบันจังหวัดสตูล แบ่งการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ คือ
1. อำเภอเมืองสตูล
2. อำเภอละงู
3. อำเภอควนกาหลง
4. อำเภอทุ่งหว้า
5. อำเภอควนโดน
6. อำเภอท่าแพ
7.อำเภอมะนัง
กูโบร์ อัล-มัรฮูม ตนกูมูฮำหมัด อากิบ สนูบุตร
กูโบร์โต๊ะมัรฮูม หรือชื่อที่เรียกว่ากูโบร์โต๊ะมาโหม
เป็นชื่อที่ปรากฏในหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงแปลง สต0225 และสต0226 ส่วนทะเบียนที่ดินสาธารณประโยชน์
ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล ซึ่งคัดลอกมาจากทะเบียนที่ดินสงวนแปลงลำดับที่ 78 นำขึ้นทะเบียนเมื่อครั้งจังหวัดสตูล ขึ้นต่อมณฑลนครศรีธรรมราชนั้นบันทึกชื่อว่า
“เปลวโต๊ะมาโหม” (ที่ถูกต้องต้องเขียนว่า “เปรว”
ซึ่งเป็นภาษาปักษ์ใต้หมายถึงป่าช้า)
แต่ในปัจจุบันกูโบร์แห่งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อสุสานเจ้าเมืองสตูล หรือกูโบร์ อัล-มัรฮูม ตนกูมูฮำหมัด อากิบ สนูบุตร
กูโบร์แห่งนี้ พระยาสมันตรัฐบุรินทร์ (ตนกูมูฮำหมัดอากิบ)
ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองสตูลระหว่าง 1839 – 1876 สั่งให้สร้างขึ้นสำหรับฝังศพเจ้าเมือง
และราษฎร โดยในครั้งนั้นได้มอบหมายให้หวันอุหมาก (หวันอุมาร์)
เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง
ที่ตั้งของกูโบร์ อัล-มัรฮูม ตนกูมูฮำหมัด อากิบ สนูบุตร
ตั้งอยู่ที่ถนนสตูลธานี 7 (สนูบุตรอุทิศ) ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล
การจัดสรรพื้นที่ใช้งานภายในกูโบร์
ภายในกูโบร์แห่งนี้มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 12 ไร่ 1 งาน 6.4 ตารางวา
การแบ่งสัดส่วนที่ฝังศพออกเป็นสองส่วนคือ
1. พื้นที่ฝังศพเจ้าเมืองสตูลและญาติวงศ์ในสายสกุลสนูบุตร
เป็นพื้นที่ซึ่งแยกไว้เป็นการเฉพาะมีแผนผังบริเวณเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 20.30
เมตร ยาว 23.70 เมตร
ตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ภายในกูโบร์ใหญ่
โดยมีกำแพงก่ออิฐดินเผาสอปูนและฉาบปูนล้อมรอบ มีประตูทางเข้าด้านทิศเหนือ
พื้นที่ส่วนนี้มีเนื้อที่ประมาณ 1 งาน 32.7 ตารางวา
2. พื้นที่สำหรับฝังศพราษฎร มีเนื้อที่ประมาณ 11
ไร่ 3
งาน 73.70 ตารางวา เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของ กูโบร์แห่งนี้
โดยถูกแบ่งเป็นสองส่วน
ส่วนแรกตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกและมีกำแพงล้อมรอบบริเวณกูโบร์ทั้งหมดไว้อีกชั้นหนึ่ง
และส่วนที่ 2 อยู่ทางด้านทิศตะวันตกโดยมีถนนเรืองฤทธิ์จรูญแบ่งพื้นที่ทั้งสองส่วนนี้ออกจากกัน
สกุล “สนูบุตร”
สกุลสนูบุตร
นับเป็นวงศ์สกุลที่สืบเชื้อสายเนื่องมาจากเชื้อสายของสุลต่านแห่งเคดะห์ (Kedah)
ประเทศมาเลเซีย โดยนับถือว่าพระยาอภัยนุราช (ตนกูบิศนู)
บุตรชายของพระยาไทรบุรี (สุลต่านอับดุลละห์ มูการามชาห์)
และเป็นน้องชายของเจ้าพระยาไทรบุรีปาเงรัน (สุลต่านอะหมัดตายุดดิน ฮาลิม ชาห์ที่ 2) เป็นต้นสายสกุล โดยมีเชื้อสายได้ปกครองมูเก็มสโตย
ซึ่งต่อมาได้ยกฐานะเป็นเมืองสตูลสืบต่อกันมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ดังนี้
พระยาอภัยนุราช (ตนกูบิศนู) มูเก็มสโตย 1813-1815
พระยาสมันตรัฐบุรินทร์ (ตนกูมูฮำหมัดอากิบ) เมืองสตูล 1839-1876
พระยาอภัยนุราช (ตนกูอิสมาแอล) เมืองสตูล 1876-1884
พระยาอภัยนุราช (ตนกูอับดุลเราะห์มาน) เมืองสตูล 1884-1897
ขอรับพระราชทานนามสกุล
เมื่อมีการตราพระราชบัญญัติขนานนามสกุล ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 พระพิไสยสิทธิสงคราม(ตนกูมะหะหมัด) ต่อมาคือพระพิมลสัตยาลักษณ์
กรมการพิเศษเมืองสตูล ผู้เป็นบุตรของพระยาอภัยนุราช (ตนกูอิสมาแอล)
ได้ขอพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
และได้รับพระราชทานนามสกุลตามประกาศพระราชทานนามสกุลครั้งที่ 53
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 33 หน้า 1023 วันที่ 23 กรกฎาคม 1916 ว่า
“สะนุบุตร” เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า “Sanuputra”
พระยาสมันตรัฐบุรินทร์ (ตนกูมูฮำหมัดอากิบ) เจ้าเมืองสตูลคนที่ 1 (1839-1875) ตนกูมูฮำหมัดอากิบเกิดที่เมืองไทรบุรีหรือรัฐเคดะห์ (Kedah)
ในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เป็นบุตรของพระยาอภัยนุราช (ตนกูบิศนู) รายามูดาแห่งรัฐเคดะห์
ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากสุลต่านหรือเจ้าเมืองรัฐเคดะห์ คือ ตนกูอับดุลละห์
มูการามชาห์ พระยาไทรบุรี
โดยพระยาอภัยนุราช (ตนกูบิศนู) บิดาของตนกูมูฮำหมัดอากิบ เคยเป็นผู้ปกครองท้องที่มูเก็มสโตยมาก่อน
แต่ในช่วงเวลานั้นมีสถานะเป็นเพียงท้องที่ตำบลหนึ่งของเมืองไทรบุรี
ภายหลังจากการเกิดเหตุการณ์กบฏไทรบุรีถึงสองครั้งในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
มูเก็มสโตยได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นเมืองเมื่อปี 1839 ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตนกูมูฮำหมัดอากิบขึ้นเป็นพระยาอภัยนุราช
ถือเป็นเจ้าเมืองสตูลคนแรก และได้ปกครองเมืองสตูลไปจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5
ในปี 1876 พระยาอภัยนุราช ได้กราบบังคมทูลทูลลาออกจากราชการ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานพระบรมราชานุญาต
และเลื่อนให้เป็นจางวางเมืองสตูลที่ พระยาสมันตรัฐบุรินทร์ มหินทราธิรายานุวัตร
ศรีสกลรัฐมหาปธานาธิการ ไพศาลสุนทรจริต สยามพิชิตภักดี จางวางเมืองสตูล
พระราชทานเครื่องยศพานทอง และต่อมาได้ถึงแก่อนิจกรรมในปีเดียวกันนั้น
ร่างของพระยาสมันตรัฐบุรินทร์ (ตนกูมูฮำหมัดอากิบ) ถูกนำไปไปฝัง ณ
กูโบร์อัลมาร์ฮูม เหนือหลุมฝังศพของท่านก่อเป็นแท่นก่ออิฐถือปูนขนาดยาว 3.07
เมตร กว้าง 1.52 เมตร สูง 1.35 เมตร ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นรูปดอกไม้
พระยาอภัยนุราช (ตนกูอิสมาแอล) เจ้าเมืองสตูลคนที่ 2 (1876-1884)
พระยาอภัยนุราช (ตนกูอิสมาแอล) เป็นบุตรคนโตของพระยาสมันตรัฐบุรินทร์
(ตนกูมูฮำหมัดอากิบ) ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยราชการเมืองสตูลในราชทินนาม
"พระปักษาวาสะวารณินทร์" จนกระทั่งปี 1876 พระยาอภัยนุราชฯ
(ตนกูมูฮำหมัดอากิบ) ผู้เป็นบิดากราบบังคมทูลลาออกจากราชการ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯพระราชทานสัญญาบัตรตั้งเป็น
พระยาอภัยนุราช ชาติรายาภักดี ศรีอินดาราวิยาหยา พระยาสตูน พระยาอภัยนุราช
(ตนกูอิสมาแอล) ถึงแก่อนิจกรรมในปี 1884 มีบุตรธิดาทั้งสิ้น 6 คน
หลุมฝังศพพระยาอภัยนุราช (ตนกูอิสมาแอล)
ร่างของพระยาอภัยนุราช (ตนกูอิสมาแอล) ถูกนำไปไปฝัง ณ
กูโบร์โต๊ะมาโหม เหนือหลุมฝังศพของท่านก่อเป็นแท่นก่ออิฐถือปูนขนาดยาว 2.52 เมตร กว้าง 0.98 เมตร สูง 1.07 เมตร ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นรูปดอกไม้ และลายเลขาคณิต
พระยาอภัยนุราช (ตนกูอับดุลเราะห์มาน) เจ้าเมืองสตูลคนที่ 3 (1884-1897)
พระยาอภัยนุราช (ตนกูอับดุลเราะห์มาน)
เป็นบุตรชายคนโตของพระยาอภัยนุราช (ตนกูอิสมาแอล)
ก่อนบิดาถึงแก่อนิจกรรมนั้น รับราชการเป็นผู้ช่วยราชการเมืองสตูลที่
พระปักษาวาสะวารณินทร เมื่อบิดาถึงแก่อนิจกรรมใน 1884 แล้ว
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯพระราชทานสัญญาบัตรตั้งเป็น
พระยาอภัยนุราช ชาติรายาภักดีศรีอินดาราวิยาหยา ผู้ว่าราชการเมืองสตูล
ต่อมาในปี 1895 พระยาอภัยนุราช (ตนกูอับดุลเราะห์มาน)
มีอาการป่วยจนไม่สามารถบริหารราชการได้ เจ้าพระยาไทรบุรีจึงแต่งตั้งกูเด็นบิน
กูแมะ ข้าราชการฝ่ายปกครองของเมืองไทรบุรี มาเป็นผู้ช่วยราชการเมืองสตูล
เพื่อช่วยประคับประคองการบริหารราชการ พระยาอภัยนุราช(ตนกูอับดุลเราะห์มาน)
ถึงแก่อนิจกรรมในปี 1897 และไม่มีบุตรสืบทายาทเป็นเจ้าเมืองสตูล
ร่างของพระยาอภัยนุราช (ตนกูอับดุลเราะห์มาน) ถูกนำไปไปฝัง ณ
กูโบร์โต๊ะมาโหม เหนือหลุมฝังศพของท่านก่อเป็นแท่นก่ออิฐถือปูนขนาดยาว 2.55 เมตร กว้าง 1.00 เมตร สูง 0.80 เมตร
อ้างอิง
กูโบร์โต๊ะมาโหม สุสานเจ้าเมืองสตูลสายสกุลสนูบุตรและชาวเมืองสตูล, สำนักศิลปากร ที่ 11 สงขลา,
https://www.finearts.go.th/fad11
วัฒนธรรม
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดสตูล,
คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ
ประวัติความเป็นมาของจังหวัดสตูล, https://www.satun.go.th/content/history_province
Tiada ulasan:
Catat Ulasan