โดย นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน
ด้วยสองสามวันก่อน มีเพื่อนคนหนึ่ง ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานซื้อ-ขายใบปริญญาปลอม ทั้งปริญญาโท และปริญญาเอก จากสถาบันสอนศาสนาคริสต์ที่จดทะเบียนในสหรัฐ แต่จดทะเบียนเพื่อจุดประสงค์หลัก คือขายใบปริญญาให้กับคนไทยที่ต้องการ เพื่อนคนนั้นติดต่อมาด้วยวิชากง วิชาการบ้าบออะไรสักอย่าง ทำให้ผู้เขียนที่สนใจเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยปลอม มหาวิทยาลัยห้องแถว หวลกลับมานึกถึงมหาวิทยาลัยจอมปลอมนั้นอีกครั้ง แม้ไม่ได้ต้องการจะพาดพิงนักการเมืองคนใดคนหนึ่ง แต่เห็นว่าเราควรที่จะรู้เกี่ยวกับวิธีจับผิดใบปริญญา-ประกาศนียบัตรปลอม
มหาวิทยาลัยห้องแถวแห่งหนึ่งในสหรัฐ
เอเยนต์มหาวิทยาลัยห้องแถวในสหรัฐ สำหรับหาลูกค้าคนไทยมหาวิทยาลัยห้องแถวในฟิลิปปินส์
ดังนั้นจึงขอนำบทความจาก BBC ภาคภาษาไทย ในหัวข้อที่ชื่อว่า "4
วิธีจับผิดใบปริญญา-ประกาศนียบัตรปลอม ปั้นแต่งวุฒิการศึกษา :-
"กรณีนักการเมืองคนดังถูกกล่าวหาว่าซื้อและใช้ปริญญาบัตรปลอมเพื่อให้มีวุฒิการศึกษาสูงขึ้นถึงระดับด็อกเตอร์
ไม่ได้เป็นปัญหาที่พบแต่ในประเทศไทยเท่านั้น
เพราะภาคการจ้างงานทั่วโลกก็กำลังเผชิญกับเรื่องน่าปวดหัวแบบเดียวกัน"
มีรายงานว่าธุรกิจ
"โรงงานปั๊มใบปริญญาปลอม" กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
จนเป็นภาระต่อองค์กรต่าง ๆ
ในการติดตามพิสูจน์วุฒิการศึกษาของผู้มาสมัครงานอย่างมาก
ที่สหราชอาณาจักรมีสถิติผู้ใช้วุฒิการศึกษาปลอมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
แม้จะถือเป็นความผิดอาญาตามกฎหมายที่มีโทษสูงสุดถึงจำคุก 10 ปีก็ตาม
เว็บไซต์ของ
HEDD
(Higher Education Degree Datacheck) ซึ่งเป็นหน่วยงานให้บริการตรวจสอบคุณวุฒิของผู้สำเร็จการศึกษา
รวมทั้งสถานะของสถาบันระดับอุดมศึกษาในสหราชอาณาจักร ได้เผยแพร่วิธีการเบื้องต้น 4
อย่าง ในการพิสูจน์ว่าปริญญาบัตรหรือประกาศนียบัตรที่ได้รับมาเป็นของจริงหรือไม่
ดังต่อไปนี้
1.
แบบใบปริญญาที่ประหลาดผิดเพี้ยน
อันดับแรก
HEDD
แนะนำว่า
ควรจะต้องตรวจดูตราประทับหรือตราที่สลักเป็นรอยนูนในปริญญาบัตรเสียก่อน
ซึ่งมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักรจะมีตราประทับดังกล่าวทำจากทองคำเปลว และเมื่อยกใบปริญญาขึ้นส่องกับแสงสว่างก็จะเห็นลายโฮโลแกรมหรือลายน้ำได้อย่างชัดเจน
รัฐบาลอังกฤษให้นักศึกษาต่างชาติอยู่หางานในประเทศได้
2 ปีหลังเรียนจบ การศึกษาของประเทศไหนต้องจ่ายเงินซื้อแพงที่สุดในโลก? เด็กมหาวิทยาลัยเจ้าของบริษัทโปรแกรมป้องกันไวรัสมูลค่านับล้าน ลายเซ็นของผู้ประสาธน์ปริญญาจะต้องเป็นลายมือที่เขียนด้วยน้ำหมึกปากกา
ไม่ใช่ลายเซ็นที่พิมพ์ออกมาจากเครื่องพิมพ์
และควรตรวจสอบกับมหาวิทยาลัยผู้มอบปริญญาบัตรด้วยว่า
ตราสัญลักษณ์และตราประทับที่ใช้นั้นมีความถูกต้องตรงกับของมหาวิทยาลัยจริง
โดยอาจเปรียบเทียบกับในเว็บไซต์ทางการของมหาวิทยาลัย
หรือส่งไปตรวจสอบกับมหาวิทยาลัยต้นทางโดยตรงก็ได้
มีแนวโน้มว่ามหาวิทยาลัยปลอมในต่างประเทศ
ชอบออกแบบปริญญาบัตรของตนเองโดยใช้ตัวอักษรแบบโกธิค (Gothic) เพื่อสื่อถึงประวัติของมหาวิทยาลัยที่มีความเก่าแก่และก่อตั้งมายาวนาน
แต่แบบตัวอักษรเช่นนี้ค่อนข้างล้าสมัยแล้ว
เพราะสถาบันอุดมศึกษาจำนวนมากในปัจจุบันได้หันมาใช้แบบตัวอักษรที่ทันสมัยกว่า
2.
การใช้ภาษาที่น่าสงสัย
ใบปริญญาหรือประกาศนียบัตรของจริงจะต้องไม่มีคำผิดหรือคำที่พิมพ์ตกหล่นปรากฏอยู่
นอกจากนี้ การใช้ภาษาอังกฤษแบบโอ่อ่าหรูหราจนเกินเหตุ
หรือการใช้ภาษาโบราณเหมือนในยุคกลางอย่างฟุ่มเฟือย
ก็เป็นอีกข้อสังเกตหนึ่งที่ส่งสัญญาณเตือนว่าปริญญาบัตรใบนั้นอาจเป็นของปลอม
ในกรณีของมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร
การใช้คำศัพท์ภาษาละตินในปริญญาบัตรมักเป็นตัวบ่งชี้ได้ว่ามีสิ่งไม่ชอบมาพากลอยู่เบื้องหลัง
เนื่องจากการใช้ภาษาละตินถือเป็นธรรมเนียมที่ใช้กันในสถาบันอุดมศึกษาของสหรัฐฯ
เท่านั้น เช่นการเรียกเกียรตินิยมขั้นต้นว่า "คุมเลาเด" (cum laude)
แต่ในสหราชอาณาจักร
สถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ได้ยกเลิกการใช้คำศัพท์ละตินเหล่านี้ไปกว่าสิบปีแล้ว
และหันมาใช้ภาษาอังกฤษแท้เช่นคำว่า "with honours" สำหรับผู้ที่ได้เกียรตินิยมแทน
สิ่งที่ต้องตรวจสอบอีกอย่างหนึ่งคือการเขียนชื่อมหาวิทยาลัย
ซึ่งต้องดูให้แน่ใจว่ามีการลำดับคำและใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่หรือพิมพ์เล็กอย่างถูกต้อง
เช่น "มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์"
ควรจะต้องสะกดเป็นภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการว่า The University of Manchester ไม่ใช่ Manchester University รวมทั้งตัวอักษร T
ในคำว่า The จะต้องเป็นตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ
3.
ที่อยู่และตำแหน่งที่ตั้งของมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยปลอมมักจะให้ข้อมูลที่อยู่ที่ไม่น่าเชื่อถือ
ซึ่งเรื่องนี้อาจตรวจสอบได้ง่าย ๆ
โดยใช้ที่อยู่และรหัสไปรษณีย์ค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของมหาวิทยาลัยในแผนที่ดาวเทียม
กูเกิล สตรีตวิว (Google
Street View) ซึ่งแผนที่จะแสดงภาพจริงของสถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยให้ได้เห็น
บ่อยครั้งที่แผนที่ดังกล่าวเปิดเผยความจริงว่า
มหาวิทยาลัยอันเก่าแก่และทรงเกียรติเป็นเพียงห้องแถวเล็ก ๆ
ในย่านที่ไม่น่าจะเป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่ได้
ที่อยู่ของบางมหาวิทยาลัยกลับกลายเป็นลานจอดรถ หรือพื้นที่เล็ก ๆ
ใกล้วงเวียนกลับรถก็มี
การให้ที่อยู่แบบข้อมูลไม่ครบถ้วน
การให้ที่อยู่ที่ดูคล้ายกับบ้านพักอาศัยของคนทั่วไป หรือการใช้ตู้ ปณ. (PO Box) ซึ่งเป็นบริการตู้ไปรษณีย์ให้เช่า
สามารถเป็นสัญญาณเตือนว่ามหาวิทยาลัยแห่งนั้นไม่ใช่สถาบันการศึกษาที่แท้จริงได้
นอกจากนี้
การสังเกตชื่อโดเมนหรือโดเมนเนมของเว็บไซต์มหาวิทยาลัย
ยังช่วยให้เราไม่ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงเอาได้ง่าย ๆ
มหาวิทยาลัยปลอมหลายแห่งเลือกใช้ชื่อโดเมน Ascension Island เพื่อให้ได้ตัวย่อ
ac ในที่อยู่เว็บไซต์ ซึ่งเหมือนกับตัวย่อจากชื่อโดเมน Academia
ที่สถาบันการศึกษาใช้กัน
4.
ใช้บริการตรวจสอบของมืออาชีพ
แม้จะมีวิธีการเบื้องต้นเพื่อดูว่าใบปริญญาเป็นของจริงหรือไม่
แต่หลายครั้งเราก็ไม่อาจจะแน่ใจได้ว่าการตรวจสอบด้วยตนเองนั้นถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์
บางคนอาจจะหลงกลมิจฉาชีพซึ่งใช้เล่ห์เหลี่ยมที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นทุกที
เพื่อหลอกให้หลงเชื่อว่าวุฒิการศึกษาปลอมเป็นของจริงได้
HEDD
รายงานว่า
มหาวิทยาลัยปลอมบางแห่งถึงกับทำฐานข้อมูลเท็จออนไลน์ขึ้นมา
เพื่อให้นายจ้างและองค์กรที่รับสมัครงานเข้าไปตรวจหาชื่อผู้สมัครงานได้
จากรายชื่อผู้สำเร็จการศึกษาที่ทำปลอมเตรียมไว้แล้ว ซึ่งก็จะพบชื่อคนที่ต้องการตรวจสอบปรากฏอยู่ทุกครั้ง
การที่บุคคลและองค์กรทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องได้เสมอ
ทำให้ HEDD
แนะนำว่าเราอาจเลือกใช้บริการผู้ตรวจสอบมืออาชีพที่ไว้วางใจได้
ซึ่งในสหราชอาณาจักรมีหน่วยงานของรัฐในลักษณะนี้อยู่พอสมควร
และมีฐานข้อมูลที่ละเอียดเพียงพอในการตรวจสอบคุณวุฒิของผู้สำเร็จการศึกษา
หรือตรวจสอบสถานะของมหาวิทยาลัยว่ามีอยู่จริงหรือก่อตั้งถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
"สถานการณ์น่าเป็นห่วงขึ้นทุกที
เพราะธุรกิจขายใบปริญญาปลอมเหล่านี้กำลังเติบโตขึ้น
และใช้เทคนิคในการหลอกลวงที่ซับซ้อนแนบเนียนขึ้นทุกขณะ" นายจอร์จ กอลลิน
หนึ่งในคณะกรรมการบริหารสภาตรวจสอบและรับรองสถาบันอุดมศึกษาของสหรัฐฯ
กล่าวแสดงความกังวล
"โรงงานปั๊มปริญญาปลอมทำรายได้อย่างมหาศาล
เพียงแค่ลงทุนก่อตั้งเว็บไซต์เท่านั้น
คุณก็สามารถขายวุฒิการศึกษาให้กับลูกค้าทั่วโลกได้ในราคาแพง ธุรกิจแบบนี้ในสหรัฐฯ
สามารถเรียกค่าปลอมวุฒิแพทยศาสตรบัณฑิตได้ถึงครั้งละ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว
304,000 บาท)"
"ยากที่จะเชื่อได้ว่าผู้ครอบครองวุฒิการศึกษาปลอมเหล่านี้ตกเป็นเหยื่อ
หรือเป็นฝ่ายถูกมหาวิทยาลัยเก๊หลอกลวง อันที่จริงพวกเขาทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังจ่ายเงินซื้อคุณวุฒิในทางลัด
การลงเรียนหลักสูตรปริญญาเอกทางไกลเพียงอาทิตย์เดียวแล้วสำเร็จการศึกษาได้ทันทีนั้น
ทุกคนรู้อยู่ว่าเป็นไปไม่ได้
ถ้าใครหลงเชื่อว่านี่คือการศึกษาของจริงก็นับว่าโง่เต็มที"
นายกอลลินกล่าวทิ้งท้าย
Tiada ulasan:
Catat Ulasan