โดย
Nik
Abdul Rakib Bin Nik Hassan
การวิวัฒนาการของภาษามลายูนั้น
นักภาษาศาสตร์ได้แบ่งการวิวัฒนาการของภาษามลายูออกเป็น 3 ระดับ คือ
1.
ภาษามลายูโบราณ (Bahasa
Melayu Kuno)
2.
ภาษามลายูคลาสสิค (Bahasa
Melayu Klasik)
3.
ภาษามลายูสมัยใหม่ (Bahasa
Melayu Moden)
ภาษามลายูโบราณ
เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลภาษานูซันดารา
มีความรุ่งเรื่องตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 จนถึงศตวรรษที่ 13 ในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย
เป็นภาษา lingua
france (ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน)
และเป็นภาษาที่ใช้ในการปกครอง ผู้ที่พูดภาษามลายูโบราณ ส่วนใหญ่จะอยู่ในแหลมมลายู ,หมู่เกาะเรียว และสุมาตรา
ภาษามลายูโบราณกลายเป็นภาษา
lingua
france และภาษาที่ใช้ในการปกครองเพราะ
1.
มีลักษณะเรียบง่าย และง่ายต่อการรับอิทธิพลจากภายนอก
2.
ไม่มีการผูกติดกับความแตกต่างทางชนชั้นของสังคม
3.
มีระบบที่ง่ายกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับภาษาชวา
ภาษาชวานั้นค่อนข้างจะยากต่อการสื่อสาร
เพราะว่าถ้าผู้พูดมีสถานะทางชนชั้นที่แตกต่างกันหรือมีวิจัยที่แตกต่างกัน
ความหมายหนึ่งจะใช้คำที่แตกต่างกันตามสถานะหรือวัยของผู้พูด
ภาษามลายูโบราณได้รับอิทธิพลจากระบบของภาษาสันสฤตมีการใช้คำสันสฤตในการสร้างคำที่เป็นเชิงความรู้
ภาษามลายูง่ายต่อการรับอิทธิพลของภาษาสันสฤตนั้นเป็นเพราะ
1.
อิทธิพลของศาสนาฮินดู
2.
ภาษาสันสฤตอยู่ในสถานะของภาษาของชนชั้นขุนนางและมีสถานะทางสังคมที่ค่อนข้างสูง
3.
ภาษามลายูง่ายต่อการใช้ตามสถานการณ์และตามความต้องการของผู้พูด
ภาษามลายูโบราณที่มีตามหลักศิลาจารึกในศตวรรษที่
7 ซึ่งเขียนด้วยอักขระปัลลาวา (Pallawa)
-ศิลาจารึก
Kedukan
Bukit , Palembang (683)
-ศิลาจารึก
Talanh
Ruwo ใกล้กับ Palembang (684)
-ศิลาจารึก
Kota
Kampur , Pulau Bangka (686)
-ศิลาจารึก
Karang
Brahi , meringin.Jambi (686)
ภาษามลายูโบราณที่มีในหลักศิลาจารึกที่
Gandasuli
, ชวากลาง (832) เขียนด้วยอักขระ Nagiri
ลักษณะของภาษามลายูโบราณ
-เต็มไปด้วยคำที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต
-การสร้างประโยคมีลักษณะของภาษามลายู
-เสี่ยง
บ (B)
จะเป็นเสียง ว (W) ในภาษามลายูโบราณ เช่น
บูลัน - วูลัน (เดือน)
-เสี่ยง
อือไม่มี เช่น Dengan
(ดืองัน) เป็น Dangan (ดางัน) – กับ
-คำว่า
Ber
จะเป็น Mar ในภาษามลายูโบราณ เช่น berlepas
– marlapas
-คำว่า
di
จะเป็น Ni ในภาษามลายูโบราณ เช่น diperbuat
– miparwuat
-อักขระ
ฮ (h)
จะหายไปในภาษามลายูสมัยใหม่ เช่น Semua – samuha , Saya –
Sahaya
การเปลี่ยนจากภาษามลายูโบราณสู่ภาษามลายูคลาสสิค
การเปลี่ยนแปลงของภาษามลายูจากภาษามลายูโบราณสู่ภาษามลายูคลาสสิคนั้นมีความเกี่ยวข้องกับอิทธิพลของศาสนาที่เริ่มมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ศตวรรษที่
13 หลังจากนั้นภาษามลายูได้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าเรื่องโครงสร้างและการเขียนมีหลักศิลาจารึก 3 หลัก ที่มีความสำคัญ คือ
1.
หลักศิลาจารึก Pagar
Ruyung , Minangbau (1356)
-
เขียนด้วยอักขระอินเดีย
-
มีคำมลายูโบราณ และมีคำกลอนภาษาสันสกฤต
-
มีความแตกต่างเล็กน้อยจากภาษาที่ใช้ในหลักศิลาจารึกในศตวรรษที่ 7
2.
หลักศิลาจารึก Minye
Tujjuh , Acheh (1380)
-
ยังคงเขียนด้วยอักขระอินเดีย
-
เป็นครั้งแรกที่มีการใช้คำภาษาอาหรับ เช่น คำว่า Nabi,Allah และ Rahmat
3.
หลักศิลาจารึก Kuala
Berang , Terengganu (1303)
-
เขียนด้วยอักขระยาวี
-
เป็นหลักฐานว่าอักขระยาวีมีการใช้ในภาษามลายูในศตวรรษดังกล่าว
ทั้งสามหลักศิลาจารึกนี้เป็นหลักฐานสุดท้ายถึงการพัฒนาการของภาษามลายู
เพราะหลังจากศตวรรษที่ 14 แล้วเริ่มเกิดวรรณกรรมมลายูในรูปแบบของการเขียน
ความรุ่งเรืองของภาษามลายูคลาสสิค
แบ่งออกเป็น 3 สมัย คือ
1.
สมัยอาณาจักรมะละกา
2.
สมัยอาณาจักรอาเจะห์
3.
สมัยอาณาจักรโยโฮร์ – เรียว
บรรดานักเรียนที่มีชื่อเสียงคือ
Hamzah
Fansuri , Syansuddin A1 – Sumatrani , Syeikh Nuruddin A1 – Raniry และ Abdul Rauf Al – Singkel
ลักษณะของภาษามลายูคลาสสิค
-ประโยคจะยาว
, ซ้ำ ๆ และซับซ้อน
-ใช้ภาษาวัง
-มักใช้คำว่า
Sebermula,
alkisah, hatta, adapun
-มักใช้คำว่า
pun
และ lah
ภาษามลายูสมัยใหม่
เริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่
19 งานเขียนของ Munshi
Abdullan ถือว่าเป็นงานเขียนแรกเริ่มของยุคภาษามลายูสมัยใหม่
Tiada ulasan:
Catat Ulasan