เมื่อครั้งผู้เขียนกับอาจารย์ซาวาวี
ปะดาอามีนได้เดินทางไปร่วมงานสัมมนาเกี่ยวกับเรื่อง “มลายูในอินโดเนเซียตะวันออก”
ที่มหาวิทยาลัยฮาซานุดดิน จังหวัดสุลาเวซีใต้ เกาะสุลาเวซี ประเทศอินโดเนเซียนั้น
ได้พบกับอาจารย์สาวท่านหนึ่งที่มาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในอีกจังหวัดหนึ่งของเกาะสุลาเวซี
ซึ่งอาจารนย์สาวท่านนั้นกล่าวกับผู้เขียนว่า
ถ้าจะมาเยี่ยมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีจะได้ไหม จึงตอบแบบผ่านๆว่า
มาซิ เรายินดีต้อนรับ ถ้ามาแล้ว เราจะต้อนรับเป็นอย่างดี
ในใจนึกว่าอาจารย์สาวคงจะไม่มา เพราะระยะทางค่อนข้างจะไกล จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปจังหวัดสุลาเวซีใต้ต้องใช้เวลาถึงเกือบสามชั่วโมง
และจากกรุงกัวลาลัมเปอร์มามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ถ้ามาทางบกก็ต้องใช้เวลายาวนานพอสมควร
แต่ปรากฏว่าอาจารย์สาวคนนี้ก็เดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วิทยาเขตปัตตานีจริง จึงใช้โอกาสนี้จัดเสวนานูซันตารา ครั้งที่ 2 สำหรับหัวข้อการบรรยายคือ “บทบาทของชาวบูกิสในโลกมลายู” ดังนั้นการบรรยายในงาน
“เสวนานูซันตารา ครั้งที่ 2” จึงมีขึ้นโดยอาจารย์โรสลีนา อาลีมุดดิน
จากมหาวิทยาลัย 19 พฤศจิกายน เมืองโกลากา (
Universitas 19 Nopember Kolaka) ตั้อยู่ที่เมืองโกลากา
จังหวัดสุลาเวซีตะวันออกเฉียงใต้
การบรรยายของอาจารย์โรสลีนา อาลีมุดดินนั้น
สำหรับผู้เขียนนับว่าน่าสนใจยิ่ง เริ่มด้วยปรัชญาของชาวบูกิสที่กล่าวว่า ชาวบูกิสเมื่อออกเรือไปทะเลแล้ว
ห้ามกลับหัวเรือขึ้นฝั่ง นั้นหมายถึงการตั้งมั่นว่า เมื่อทำอะไรแล้ว
ต้องทำให้สำเร็จ จึงจะกลับมาบ้าน สำหรับชาวบูกิสนั้น
ตั้งถิ่นฐานอยู่บนหมู่เกาะสุลาเวซี มีประชากรประมาณ 3 ล้านคน ส่วนใหญ่ของชาวบูกิสจะอาศัยอยู่ในจังหวัดสูลาเวซีใต้
ชาวบูกิสจะกระจัดกระจายไปทั่วภูมิภาคมลายู สิ่งนี้เกิดจากการยึดครองของชาวลันดาต่อดินแดนของชาวบูกิสในศตวรรษที่
17 ทำให้ส่วนหนึ่งของชาวบูกิสอพยพออกจากเกาะสุลาเวซีไปตั้งถิ่นฐานที่เกาะสุมาตรา
เกาะกาลิมันตัน เกาะชวา แหลมมลายู รัฐซาราวัคและรัฐซาบะห์ ชนชาวบูกิสมีชื่อเสียงเรื่องด้านการเดินเรือ
และการค้า นอกจากนั้นยังรู้จักในหมู่เกาะมลายูถึงความกล้าหาญของชาวบูกิส
ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของชาวบูกิสคือเมืองอูจุงปันดัง (Ujung Pandang )หรือรู้จักในนามของเมืองมากัสซาร์
(Makassar)ชาวบูกิสจะนับถือศาสนาอิสลาม ตามบทกวีชาวบูกิสที่ชื่อว่า
La Galigo กล่าวว่าอาณาจักรชาวบูกิสแรกคือ Wewang
Nriwuk Luwuk และ Tompoktikka
สำหรับการเดินทางมาของอาจารย์โรสลีนา อาลีมุดดินในครั้งนี้ เมื่อเดินทางถึงจังหวัดปัตตานี ก็ได้พักที่โรงแรมมายการ์เดน แต่พอวันที่สอง ผู้เขียนบอกให้พักกับนักศึกษา นอกจากจะเป็นการประหยัดแล้ว ยังจะเป็นการเสริมประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์การใช้ภาษามลายู-อินโดเนเซียของนักศึกษาอีกด้วย วันแรกของการมาถึงจังหวัดปัตตานี ทางผู้เขียนและนักศึกษาก็ได้พาไปรู้จักสถานที่ต่างๆของจังหวัดปัตตานี
สำหรับการเดินทางมาของอาจารย์โรสลีนา อาลีมุดดินในครั้งนี้ เมื่อเดินทางถึงจังหวัดปัตตานี ก็ได้พักที่โรงแรมมายการ์เดน แต่พอวันที่สอง ผู้เขียนบอกให้พักกับนักศึกษา นอกจากจะเป็นการประหยัดแล้ว ยังจะเป็นการเสริมประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์การใช้ภาษามลายู-อินโดเนเซียของนักศึกษาอีกด้วย วันแรกของการมาถึงจังหวัดปัตตานี ทางผู้เขียนและนักศึกษาก็ได้พาไปรู้จักสถานที่ต่างๆของจังหวัดปัตตานี
สำหรับผู้เขียนนอกจากพาไปรู้จักจังหวัดนราธิวาส
แล้วยังไปพร้อมครอบครัวยังเมืองโกตาบารูเพื่อส่งอาจารย์โรสลีนา
อาลีมุดดินเพื่อเดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ และนับเป็นเรื่องโชคดีของการไปส่งอาจารย์โรสลีนา
อาลีมุดดิน ด้วยพอข้ามฝั่งจากตลาดตาบา อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
เมื่อถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซียที่ตลาดปังกาลันกูโบร์ รัฐกลันตัน มาเลเซีย
ปรากฎว่าอาจารย์โรสลีนา อาลีมุดดินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศมาเลเซีย
ต้องไปพบหัวหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองก่อน ผู้เขียนจึงไปเป็นเพื่อนด้วย และโชคดีที่หัวหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ด่านฝั่งมาเลเซียนั้น
ผู้เขียนพอจะรู้จักผู้นี้อยู่บ้าง จึงสามารถด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ตลาดปังกาลันกูโบร์
รัฐกลันตัน ด้วยดี เหตุผลที่มีปัญหา เพราะคนที่ชื่อ โรสลีนา ที่เป็นชาวอินโดเนเซีย
ที่อยู่ใน Black list นั้นมีทั้งหมดถึง 10
คนด้วยกัน
ผู้เขียนต้องนอนที่เมืองโกตาบารู 1 คืน ด้วยรถบัสที่อาจารย์โรสลีนา อาลีมุดดินขึ้นนั้นจะออกเวลา
2 ทุ่ม จึงต้องรอส่งอาจารย์โรสลีนา อาลีมุดดินขึ้นรถก่อน สาเหตุที่ผู้เขียนไปส่งอาจารย์โรสลีนา
อาลีมุดดินถึงเมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ก็ด้วยประทับใจที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ
มีความกล้าในการเดินทางมามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ด้วยตัวคนเดียว
ทั้งๆที่เคยสัญญากับตัวเองว่า ถ้าเป็นชาวอินโดเนเซีย จะไม่บริการเกินเลยกว่านี้
หมายถึงเมื่อเขาเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีด้วยตัวเองได้
ก็จะแค่ส่งถึงสถานีรถตู้ของจังหวัดปัตตานี จะส่งแค่นี้จริงๆ
ด้วยเข็ดหลาบกับการเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วิทยาเขตปัตตานีของชาวอินโดเนเซียผู้หนึ่ง ผู้เขียนสัญญาว่าเมื่อถึงจังหวัดปัตตานี
ที่พัก อาหารระหว่างอยู่จังหวัดปัตตานี ผู้เขียนจะรับผิดชอบเอง เมื่อชาวอินโดเนเซียผู้มีอาชีพเป็นข้าราชการครูคนนั้น
มาถึงจังหวัดปัตตานีก็ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้
นอกจากนั้นเพื่อเป็นการซื้อใจที่ได้มาเยี่ยม แทนที่ผู้เขียนจะไปส่งแค่ที่สถานีรถตู้ของจังหวัดปัตตานี
กลับร่วมเดินทางไปส่งที่อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาสเพื่อข้ามแดนไปยังตลาดรันเตาปันยัง
รัฐกลันตัน เมื่อเดินทางถึงตลาดรันเตาปันยัง ด้วยเป็นช่วงแรงงานจากจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับไปทำงานในมาเลเซีย
ทำให้ตั๋วรถบัสหมด ผู้เขียนจึงเช่าแทกซี่พาข้าราชการครูชาวอินโดเนเซียผู้นั้นไปเมืองโกตาบารู
และที่เมืองโกตาบารูผู้เขียนก็เปิดห้องโรงแรมให้ข้าราชการครูชาวอินโดเนเซียผู้นั้น
พร้อมเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อวันรุ่งขึ้นข้าราชการครูชาวอินโดเนเซียผู้นั้นจะสามารถเดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้
และผู้เขียนก็สร้างความแปลกใจแก่ข้าราชการครูชาวอินโดเนเซียผู้นั้นด้วยการซื้อตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียจากเมืองโกตาบารูไปกรุงกัวลาลัมเปอร์แก่เขา
สิ่งที่ทำลงไปเผื่อว่าเมื่อผู้เขียนพานักศึกษาไปอินโดเนเซีย
ผู้เขียนก็จะได้รับความช่วยเหลือในการประสานงานอะไรต่ออะไรจากข้าราชการครูชาวอินโดเนเซียผู้นั้น
แต่ปรากฏว่าเมื่อผู้เขียนพานักศึกษาไปอินโดเนเซีย สร้างความผิดหวังอย่างแรงแก่ผู้เขียน
เมื่อผู้เขียนให้ข้าราชการครูชาวอินโดเนเซียผู้นั้นติดต่อรถมินิบัสเพื่อพานักศึกษาจากกรุงจาการ์ตาไปเมืองบันดุง
ด้วยเมื่อตอนจะจ่ายค่ารถมินิบัสนั้น ปรากฎว่าข้าราชการครูชาวอินโดเนเซียผู้นั้นยังหักเปอร์เซนต์ค่ารถจากคณะผู้เขียนอีกด้วย
นับจากนั้นผู้เขียนสัญญากับตัวเองว่าสำหรับชาวอินโดเนเซียไม่ว่าใครๆก็ตาม
จะไม่มีการบริการแบบที่ให้กับข้าราชการครูชาวอินโดเนเซียผู้นั้นอีกต่อไป
Tiada ulasan:
Catat Ulasan