หลักศิลาจารึกในภูมิภาคมลาย
โดย นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน
หลักศิลาจารึกในภูมิภาคมลายู
หลักศิลาจารึกมีการใช้ภาษต่าง ๆ เช่น
หลักศิลาจารึกที่ใช้ภาษาสันสกฤต
- หลักศิลาจารึก Malawarman, เมือง Kuta สร้างประมาณปี
- หลักศิลาจารึก Tarumanagara,Ciaruteun จังหวัดชวาตะวันตก สร้างปี
หลักศิลาจารึกที่ใช้ภาษามลายู
- หลักศิลาจารึก Kedukan bukit จังหวัดสุมาตราใต้ สร้างปี 683
- หลักศิลาจารึก Talang Tuwo, จังหวัดสุมาตราใต้ สร้างปี684
- หลักศิลาจารึก Kata Kapur จังหวัด Bangka Belitungสร้างปี 686
- หลักศิลาจารึก karang Brahiจังหวัดจัมบี สร้างปี 692
- หลักศิลาจารึก Telaga Batu
- หลักศิลาจารึก Melayu Gandasuli,Temanggung,จังหวัดชวากลางสร้างปี 832
- หลักศิลาจารึก Laguna,Manilaประเทศฟิลิปปินส์สร้างปี 900
- หลักศิลาจารึก Terengganu,Kuala Berang,Terengganu สร้างปี 1303
- หลักศิลาจารึก Minye Tujuh,Minye Tjujuh ,Acehสร้างปี 1380
*หลักศิลาจารึก Terengganu เป็นหลักศิลาจารึกเดียวที่ใช้ภาษามลายูจารึกด้วยอักขระยาวี
หลักศิลาจารึกภาษาชวา
- หลักศิลาจารึก Sukabumi,Sukabumi,Pare,Kediri จังหวัดชวาตะวันออกสร้างปี 804
- หลักศิลาจารึก Kakawin Tertua Jawaสร้างปี 856
- หลักศิลาจารึก Singhasari1351, Singosari, จังหวัดชวาตะวันออกสร้างปี 1351
- หลักศิลาจารึก Ngadoman,Ngadoman(Salatiga)จังหวัดชวากลาง สร้างปี 1450
- หลักศิลาจารึก Pakubuwanax,Surakarta จังหวัดชวากลางสรร้างปี 1938
หลักศิลาจารึกภาษาบาลี
- หลักศิลาจารึก Bebetin,จังหวัดบาหลีสร้างปี 1049 ซึ่งเป็นการคัดลอกจากหลักศิลาจารึกดั้งเดิมที่สร้างปี
896
หลักศิลาจารึกภาษาซุนดา
- หลักศิลาจารึก Astana Gede,Kawaliจังหวัดชวาตะวันตกสร้างปี 1350
หลักศิลาจารึกภาษามลายูโบราณ(จาม)
- หลักศิลาจารึก Dong Yen Chaoเป็นหลักศิลาเป็นหลักศิลาจารึกทีสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 4
การวิวัฒนาการของภาษามลายู
นักภาษาศาสตร์ได้แบ่งการพัฒนาการของภาษามลายูออกเป็น 3 ระดับ คือ
1. ภาษามลายูโบราณ (Bahasa Melayu Kuno)
2. ภาษามลายูคลาสสิค (Bahasa Melayu Klasik)
3. ภาษามลายูสมัยใหม่ (Bahasa Melayu Moden)
ภาษามลายูโบราณ
เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลภาษานูซันดารา มีความรุ่งเรื่องตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 จนถึงศตวรรษที่ 13 ในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย เป็นภาษา lingua franca (ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน) และเป็นภาษาที่ใช้ในการปกครอง ผู้ที่พูดภาษามลายูโบราณ ส่วนใหญ่จะอยู่ในแหลมมลายู ,หมู่เกาะเรียว และสุมาตรา
ภาษามลายูโบราณกลายเป็นภาษา lingua franca และภาษาที่ใช้ในการปกครองเพราะ
1. มีลักษณะเรียบง่าย และง่ายต่อการรับอิทธิพลจากภายนอก
2. ไม่มีการผูกติดกับความแตกต่างทางชนชั้นของสังคม
3. มีระบบที่ง่ายกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับภาษาชวา
ภาษาชวานั้นค่อนข้างจะยากต่อการสื่อสาร เพราะว่าถ้าผู้พูดมีสถานะทางชนชั้นที่แตกต่างกันหรือมีวิจัยที่แตกต่างกัน ความหมายหนึ่งจะใช้คำที่แตกต่างกันตามสถานะหรือวัยของผู้พูด ภาษามลายูโบราณได้รับอิทธิพลจากระบบของภาษาสันสฤตมีการใช้คำสันสฤตในการสร้างคำที่เป็นเชิงความรู้
ภาษามลายูง่ายต่อการรับอิทธิพลของภาษาสันสฤตนั้นเป็นเพราะ
1. อิทธิพลของศาสนาฮินดู
2. ภาษาสันสฤตอยู่ในสถานะของภาษาของชนชั้นขุนนางและมีสถานะทางสังคมที่ค่อนข้างสูง
3. ภาษามลายูง่ายต่อการใช้ตามสถานการณ์และตามความต้องการของผู้พูด
ภาษามลายูโบราณที่มีตามหลักศิลาจารึกในศตวรรษที่ 7 ซึ่งเขียนด้วยอักขระปัลลาวา (Pallawa)
- ศิลาจารึก Kedukan Bukit , Palembang (683)
- ศิลาจารึก Talanh Ruwo ใกล้กับ Palembang (684)
- ศิลาจารึก Kota Kampur , Pulau Bangka (686)
- ศิลาจารึก Karang Brahi , meringin.Jambi (686)
ภาษามลายูโบราณที่มีในหลักศิลาจารึกที่ Gandasuli , ชวากลาง (832) เขียนด้วยอักขระ Nagiri
ลักษณะของภาษามลายูโบราณ
- เติมไปด้วยคำที่ยืมมาจากภาษาสันสกฤต
- การสร้างประโยคมีลักษณะของภาษามลายู
- เสี่ยง บ (B) จะเป็นเสียง ว (W) ในภาษามลายูโบราณ เช่น บูลัน - วูลัน (เดือน)
- เสี่ยง อือไม่มี เช่น Dengan (ดืองัน) – Dangan (ดางัน) – กับ
- คำว่า Ber จะเป็น Mar ในภาษามลายูโบราณ เช่น berlepas – marlapas
- คำว่า di จะเป็น Ni ในภาษามลายูโบราณ เช่น diperbuat – miparwuat
- อักขระ ฮ (h) จะหายไปในภาษามลายูสมัยใหม่ เช่น Semua – samuha , Saya – Sahaya
การเปลี่ยนจากภาษามลายูโบราณสู่ภาษามลายูคลาสสิค
การเปลี่ยนแปลงของภาษามลายูจากภาษามลายูโบราณสู่ภาษามลายูคลาสสิคนั้นมีความเกี่ยวข้องกับอิทธิพลของศาสนาที่เริ่มมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 หลังจากนั้นภาษามลายูได้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเรื่องโครงสร้างและการเขียนมีหลักศิลาจารึก 3 หลัก ที่มีความสำคัญ คือ
1. หลักศิลาจารึก Pagar Ruyung, Minangkabau (1356)
- เขียนด้วยอักขระอินเดีย
- มีคำมลายูโบราณ และมีคำกลอนภาษาสันสกฤต
- มีความแตกต่างเล็กน้อยจากภาษาที่ใช้ในหลักศิลาจารึกในศตวรรษที่ 7
2. หลักศิลาจารึก Minye Tujuh , Acheh (1380)
- ยังคงเขียนด้วยอักขระอินเดีย
- เป็นครั้งแรกที่มีการใช้คำภาษาอาหรับ เช่น คำว่า Nabi, Allah และ Rahmat
3. หลักศิลาจารึก Kuala Berang , Terengganu (1303)
- เขียนด้วยอักขระยาวี
- เป็นหลักฐานว่าอักขระยาวีมีการใช้ในภาษามลายูในศตวรรษดังกล่าว
ทั้งสามหลักศิลาจารึกนี้เป็นหลักฐานสุดท้ายถึงการพัฒนาการของภาษามลายู เพราะหลังจากศตวรรษที่ 14 แล้วเริ่มเกิดวรรณกรรมมลายูในรูปแบบของการเขียน
ความรุ่งเรืองของภาษามลายูคลาสสิค แบ่งออกเป็น 3 สมัย คือ
1. สมัยอาณาจักรมะละกา
2. สมัยอาณาจักรอาเจะห์
3. สมัยอาณาจักรโยโฮร์ – เรียว
บรรดานักเรียนที่มีชื่อเสียงคือ Hanzah Fansuri , Syamsuddin A1 – Suma trani , Syeikh Nuruddin A1 – Raniry และ Abdul Rauf A1 – Singkel
ลักษณะของภาษามลายูคลาสสิค
- ประโยคจะยาว , ซ้ำ ๆ และซับซ้อน
- ใช้ภาษาวัง
- มักใช้คำว่า Sebermula , alkisah ,hatta , adapun
- มักใช้คำว่า pun และ lah
ภาษามลายูสมัยใหม่
เริ่มตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 งานเขียนของ Munshi Abdullan ถือว่าเป็นงานเขียนแรกเริ่มของยุคภาษามลายูสมัยใหม่
Tiada ulasan:
Catat Ulasan