Sabtu, 26 Oktober 2013

เข้าร่วมงาน “มหกรรมอารยธรรมมลายู ครั้งที่ 1” ที่เมืองตันหยงปีนัง จังหวัดหมู่เกาะเรียว ประเทศอินโดเนเซีย

โดย นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน
เมื่อปลายเดือนกันยายน 2013 ผู้เขียนได้รับเชิญจากทางสำนักงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจังหวัดหมู่เกาะเรียว ประเทศอินโดเนเซีย ให้เข้าร่วมงาน“มหกรรมอารยธรรมมลายู ครั้งที่ 1” หรือชื่อในภาษาอินโดเนเซียว่า “Festival Tamadun Melayu I” งานมหกรรมอารยธรรมมลายูครั้งนี้เป็นงานเฉลิมฉลองครบรอบการจัดตั้งจังหวัดหมู่เกาะเรียว 10 ปี ซึ่งจังหวัดหมู่เกาะเรียวนี้เป็นจังหวัดที่แยกตัวออกจากจังหวัดเรียว
เดิมจังหวัดเรียวเป็นจังหวัดที่ใหญ่พอสมควร มีพื้นที่ครอบคลุมดินแดนจังหวัดเรียวบนเกาะสุมาตรา รวมทั้งบรรดาหมู่เกาะต่างๆที่รวมเรียกว่าหมู่เกาะเรียว ต่อมาด้วยพื้นที่การติดต่อระหว่างหมู่เกาะเรียวกับตัวศูนย์อำนาจจังหวัดเรียว คือเมืองเปอกันบารู บนเกาะสุมาตรา ค่อนข้างลำบาก ด้วยระยะทางที่ห่างไกล เพื่อความสะดวกจึงมีการแยกหมู่เกาะเรียวออกเป็นอีกจังหวัดหนึ่ง โดยมีศูนย์อำนาจอยู่ที่เมืองตันหยงปีนัง บนเกาะบินตัน
การจัดงานมหกรรมอารยธรรมมลายูในครั้งนี้ เขาแบ่งงานออกเป็น 3 ส่วน คือ งานศิลปะการแสดง   งานสัมมนาวิชาการ และงานวรรณกรรม โดยผู้รับผิดชอบแต่ละส่วนของงาน จะดำเนินการเอง ไม่มีการประสานงานระหว่างกัน ทำให้เกิดเรื่องตลกขึ้นมา นั้นคือผู้เขียนได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานทั้งสามส่วน  โดยแต่ละส่วนได้เชิญให้ผู้เขียนเข้าร่วมงานตามเนื้อหาของแต่ละงาน ซึ่งด้านงานศิลปะการแสดง ก็ได้ให้ผู้เขียนนำคณะการแสดงจากประเทศไทย โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าร่วมแสดง   ส่วนงานสัมมนาวิชาการก็จะเป็นการสัมมนาเกี่ยวกับอารยธรรมมลายู ประวัติศาสตร์ บทบาทของหมู่เกาะเรียว   และงานวรรณกรรม ก็จะเป็นการอ่านบทกวี เสวนาเกี่ยวกับวรรณกรรมมลายู
สำหรับงานการแสดงนั้น ด้วยนักศึกษาสาขาวิชาเอกมลายูศึกษา เคยร่วมงานการแสดงที่ประเทศสิงคโปร์ โดยใช้ชื่อว่าคณะ Sri Patani ดังนั้นในการแสดงที่เมืองตันหยงปีนัง จึงใช้ชื่อคณะในการแสดงว่า Sri Patani แต่ด้วยบรรดานักศึกษาอยู่ในช่วงใกล้สอบปลายภาคผู้เขียนจึงเห็นว่าไม่สมควรที่จะนำคณะนักศึกษาไปแสดง จึงได้เปลี่ยนมาเป็นคณะดีเกร์ฮูลู จากบ้านดูกู อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส โดยใช้ชื่อคณะว่า Sri Patani เช่นเดิม  การประสานงานกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำหนังสือเดิทางที่ ศอ.บต. แจ้งว่าไม่สามารถทำหนังสือเดินทางหมู่คณะได้ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงสามารถทำหนังสือเดินทางเป็นหมู่คณะได้ ดังนั้นจึงยกเลิกการเดินทางไปแสดงศิลปะการแสดงของจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เมืองตันหยงปีนัง นับว่าเป็นที่น่าเสียดาย ทั้งๆที่ทางเจ้าภาพได้เตรียมค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับคณะจากจังหวัดชายแดนภาคใต้เกือบสี่หมื่นบาท
รองประธานาธิบดีเป็นประธานพิธีเปิดงาน
  งานสัมมนาเกี่ยวกับอารยธรรมมลายู ส่วนหนึ่งที่ได้เข้าร่วมก็เพื่อสร้างความแน่นแฟ้นกับเพื่อนๆเก่า และสร้างความรู้จักกับเพื่อนนักวิชาการใหม่ๆ ในงานครั้งนี้ สิ่งที่แปลกใจ ปรากฏว่ามีชาวมาเลเซียคนหนึ่งได้เปิดบูธของตัวเอง เป็นบูธที่ขายหนังสือเกี่ยวกับปาตานี ที่เขียนโดยชาวปาตานี ขาบรูปภาพนักการศาสนาจากปาตานี ชนิดที่สิ่งเหล่านี้เรียกได้ว่าหายากมากในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้เขียนเองได้ซื้อหนังสือเอกสารเขียนด้วยลายมือที่ถ่ายเอกสารจากต้นฉบับขายในงานดังกล่าว เป็นหนังสือที่ญาติได้ขายหนังสือเขียนด้วยลายมือเล่มเหล่านี้ให้แก่ผู้สนใจเกี่ยวกับปาตานี ต่อมาผู้นั้นได้ถ่ายเอกสารร่วมเล่ม แล้วขายฉบับที่ถ่ายเอกสารไว้
ถ่ายภาพกับประธานองค์การโลกมลายูโลกอิสลาม
กับรมช.วิทยาศาสตร์ ฯ มาเลเซีย และประธานหอการค้ารัฐมะละกา
ได้รับมอบหนังสือในงานสัมมนา
ส่วนงานวรรณกรรม ก็มีนักเขียน นักกวีจากประเทศอินโดเนเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน เข้าร่วมงาน  มีการอ่านบทกวีบนเวที มีหน่วยงานรัฐของจังหวัดหมู่เกาะเรียว และจังหวัดอื่น เปิดบูธแสดงเอกสารโบราณ วัตถุโบราณ ผ้า และสิ่งสำคัญอื่นๆซึ่งมีการแจกหนังสือ เอกสารเผยแพร่ ทำให้ผู้เขียนต้องซื้อกระเป๋าอีกใบ เพื่อใส่หนังสือที่ได้ซื้อไว้ และหนังสือที่เขาแจกฟรี
สองหนุ่มสาวผู้ทำหน้าที่ดูแลผู้เขียน
เวทีอ่านบทกวี
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ ห้องสมุดของจังหวัดหมู่เกาะเรียว คือแทนที่จะเป็นห้องสมุดอย่างเดียว ปรากฏว่าเขาใช้ชื่อว่า ห้องสมุดและหอจดหมายเหตุจังหวัดหมู่เกาะเรียว ซึ่งผู้เขียนได้นำความคิดนี้เพื่อจะนำไปใช้ในห้องสมุดประชาชนอำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัดนราธิวาส ด้วยเท่าที่ทราบห้องสมุดประจำจังหวัด ประจำอำเภอต่างๆจะไม่มีการเก็บเอกสารสำคัญๆในอดีต  ดังนั้นคิดว่าน่าจะนำความคิดนี้ทดลองใช้ในจังหวัดนราธิวาส ดังที่มีการกล่าวว่า เอกสารวันนี้ พรุ่งนี้ก็เป็นเอกสารประวัติศาสตร์แล้ว  ต่อไปเวลาเยาวชนต้องการสืบค้นเอกสารเก่าๆ ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของเขา ก็จะสามารถค้นหาได้ในห้องสมุดประชาชนอำเภอแห่งนี้ได้

Tiada ulasan: