Rabu, 15 Disember 2010

มาเลเซียแต่งตั้งวุฒิสมาชิกคนใหม่จากสังคมชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยพุทธ

โดน นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน

วันนี้ 15 ธันวาคม 2010 ทางสถานีโทรทัศน์มาเลเซียได้ถ่ายทอดสดรายงานการปฏิญาณตนของสองวุฒิสมาชิกใหม่ คือนางมาเรียนี มูฮัมหมัดยิต(Mariany Mohammad Yit)และนายบุญสม อีนง (Boon Som A/L Inong)ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยพุทธทั้งสองคนเป็นสมาชิกของพรรคองค์กรมลายูสามัคคีแห่งชาติ(United Malays National Organisation)ได้ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งเป็นวุฒิสมาชิกคนใหม่ของวุฒิสภามาเลเซียต่อหน้าประธานวุฒิสภา คือ ตันศรีอาบูซาฮาร์ อูยัง (Tan Sri Abu Zahar Ujang)

ภาพจากโทรทัศน์ขณะนายบุญสม อีนงกำลังปฏิญาณตนต่อหน้าประธานวุฒิสภา


นายบุญสม อีนง


นายบุญสม อีนง มีอายุ 49 ปี เป็นคนอำเภอสุไหงปาตานี รัฐเคดะห์ เป็นกรรมการของสมาคมชาวสยามแห่งมาเลเซีย หรือ Persatuan Siam Malaysia เขามีอาชีพเป็นนักข่าว โดยทำงานกับสำนักข่าว Kuwait National News Agency (Kuna)เป็นเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 1982 ต่อมาทำงานกับสำนักข่าว Islamic Republic of Iran National News Agency (Irna) เป็นเวลา 12 ปี ตั้งแต่ปี 1991

นอกจากั้นเคยทำหน้าที่เป็นเลขานุการฝ่ายหนังสือพิมพ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานยุคที่มี Datuk Mohd Zin Mohamed เป็นรัฐมนตรีว่าการ และเคยเป็นเลขานุการฝ่ายหนังสือพิมพ์ของมุขมนตรีรัฐเคดะห์ ยุคที่มี Datuk Seri Syed Abdul Razak Syed Zain เป็นมุขมนตรี และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการพิเศษของมุขมนตรีรัฐเคดะห์ ยุคที่มี Datuk Seri Mahdzir Khalid เป็นมุขมนตรี

เขาเคยจัดพิมพ์หนังสือที่ชื่อว่า "Tekad 2008-2009" เป็นหนังสือของกระทรวงแรงงานมาเลเซีย จากข้อมูลที่สืบค้นได้ปรากฏว่าเขายังเป็นกรรมการของบริษัทเกี่ยวกับการก่อสร้างในรัฐเคดะห์ ที่ชื่อว่า Syarikat Bina Dan Kuari Kedah Sdn. Bhd.

ความขัดแย้งเกี่ยวกับตำแหน่งวุฒิสมาชิกชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยพุทธคนที่ 3
ในปี 1996 ทางรัฐบาลมาเลเซียได้แต่งตั้งนายเจริญ อินทชาติ (Datuk Charern Intachat) อดีตหัวหน้าศุลกากรแห่งรัฐเคดะห์ เป็นวุฒิสมาชิก นับเป็นวุฒิสมาชิกคนแรกที่เป็นตัวแทนของชุมชนชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยพุทธ ที่มีประชากรทั้งหมด ประมาณ 6 หมื่นคน ซึ่งตั้งถิ่นฐานกระจัดกระจายอยู่ในรัฐเคดะห์ รัฐเปอร์ลิส รัฐเปรัค รัฐกลันตัน รัฐตรังกานู ฯลฯ

การเลือกนายเจริญ อินทชาติ เพื่อเป็นตัวแทนของชุมชนชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยพุทธนี้ ผ่านการลงมติเป็นเอกฉันท์จากคณะสงฆ์แห่งรัฐเคดะห์ (Majlis Sanggha Negeri Kedah) ชื่อของนายเจริญ อินทชาติได้รับการประกาศเสนอเป็นวุฒิสมาชิกจาก ดร. มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐรัฐมนตรีในขณะนั้น ครั้งที่เขาเดินทางไปพบปะชุมชนชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยพุทธที่วัดตีตีอาการ์(Wat Titi Akar) อำเภอเปินดัง(Pendang) รัฐเคดะห์ เมื่อวันที่ 1เมษายน1996,

ในปี 2002 รัฐบาลมาเลเซียก็ได้แต่งตั้งนางชิวชุน (Datuk Siw Chun) นักธุรกิจจากรัฐเปอร์ลิส เป็นตัวแทนของชุมชนชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยพุทธคนที่ 2 ต่อจากนายเจริญ อินทชาติ ซึ่งรับตำแหน่งวุฒิสมาชิกเป็นเวลา 2 สมัย (มีวาระสมัยละ 3 ปี) รวมเป็นเวลา 6 ปี
นายเจริญ  อินทชาติ
การเลือกนางชิวชุนในครั้งนี้เป็นการลงคะแนนในการประชุมประจำปีของสมาคมชาวสยามแห่งมาเลเซีย (PSM – Persatuan Siam Malaysia) ซึ่งจัดประชุมที่หอประชุมวัฒนธรรม(Dewan Budaya) บ้านปุมปง รัฐเคดะห์ ในการลงคะแนนครั้งนี้ มีผู้ถูกเสนอชื่อ 6 คน คือ นายไสว (Datuk Sawai), นายสิริ นิลบัว (En. Siri Neng Buah), นางชิวชุน เอี่ยม(Datuk Siw Chun A/L Eam), นายบุญสม อีนง(Boon Som Inong), นายพล อาวังดิน(Eh Pon Awang Din) และ ดร. พรหม พรหมวิจิตร (Dr. Proom Promwichit) ผู้มีสิทธิ์เข้ารอบคือ นายไสว (Datuk Sawai), นายสิริ นิลบัว (En. Siri Neng Buah) และ นางชิวชุน เอี่ยม(Datuk Siw Chun A/L Eam) และในที่สุดผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นวุฒิสมาชิก คือ นางชิวชุน เอี่ยม(Datuk Siw Chun A/L Eam)
นางซิวชุน  เอี่ยม
ต่อมานางชิวชุน เอี่ยม(Datuk Siw Chun A/L Eam) ครบวาระการเป็นวุฒิสมาชิกเมื่อ19 ธันวาคม 2008 เกิดการชิงการเป็นวุฒิสมาชิกในบรรดาผู้นำชุมชนชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยพุทธ

ในการประชุมประจำปีของสมาคมชาวสยามแห่งมาเลเซีย (PSM – Persatuan Siam Malaysia) ซึ่งจัดขึ้นที่อำเภอสุไหงปัตตานี รัฐเคดะห์ เมื่อ 15 พฤศจิกายน 2008 ในการลงคะแนนครั้งนี้ มีผู้ถูกเสนอชื่อ 4 คน คือ นายสิริ นิลบัว (En. Siri Neng Buah), นายจาลาร์ เอนดินพรหม (En. Chalar Endin Proom), นายวินัย(En. Vinai) และนายโอสถ หรือชาตรี (En. Osot @ Chatri) ส่วนนายวิเชียร (En. Wichien) ขอถอนตัว

ในการลงคะแนนครั้งนั้นมีผู้ได้รับการเสนอเป็นวุฒิสมาชิก 3 คน คือ นายสิริ นิลบัว (En. Siri Neng Buah), นายจาลาร์ เอนดินพรหม (En. Chalar Endin Proom)และนายวินัย(En. Vinai)

ในขณะเดียวกัน นายโชติ จ่าจันทร์ (En. Eh Chot Cha Chan) หรือครูยอด แห่งบ้านบ่อเสม็ด อำเภอตุมปัต รัฐกลันตัน ในฐานะรองนายกสมาคมชาวสยามแห่งมาเลเซีย (PSM – Persatuan Siam Malaysia) ได้เสนอชื่อผู้อื่นเป็นวุฒิสมาชิก โดยเสนอในนามของสมาคมชาวสยามแห่งรัฐกลันตัน (Persatuan Masyarakat Siam Kelantan) ส่วนนายบุญสม อีนง กรรมการของสมาคมชาวสยามแห่งมาเลเซีย (PSM – Persatuan Siam Malaysia) ได้เสนอชื่อวุฒิสมาชิกโดยมีผู้ใหญ่บ้าน ()ชาวไทยพุทธทุกคนในรัฐเคดะห์ลงชื่อสนับสนุน ทำให้การเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นวุฒิสมาชิกแตกออกเป็น 3 ฝ่าย

ทำให้การเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นวุฒิสมาชิกจากชุมชนชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยพุทธต้องชะงักลง จนเมื่อ 15 ธันวาคม 2010 จึงมีการแต่งตั้งนายบุญสม อีนงเป็นวุฒิสมาชิกคนที่ 3 เป็นตัวแทนจากชุมชนชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยพุทธ

Ahad, 12 Disember 2010

ความรักของอดีตพระราชินี (Raja Permaisuri Agong)แห่งมาเลเซียกับนักเขียนบล๊อกคนหนึ่ง

โดย นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้เขียนได้เดินทางไปยังประเทศมาเลซีย ขณะที่เดินอยู่ในตลาดเมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน เห็นหนังสือพิมพ์รายวันพาดหัวข่าวเรื่องอดีตพระราชินี หรือ Permaisuri Agong ของประเทศมาเลเซีย ฟ้องศาลต่อนักเขียนบล๊อกคนหนึ่ง ขอให้ศาลบังคับไม่ให้นักเขียนบล๊อกคนนั้นลงข่าว หรือภาพ อันเป็นส่วนตัวของเธอ ด้วยผู้เขียนมีการติดตามเรื่องราวของอดีตพระราชินี นับแต่ครั้งพระราชาธิบดี หรือ Yang Di Pertuan Agong ซึ่งเป็นพระสวามีของเธอสิ้นชีพใหม่ๆ

ข่าวปรากฎในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์อุตุซันมาเลเซีย

สุลต่านซาลาฮุดดิน อับดุลอาซีซ ชาห์ และตวนกูซีตีอาอีซะห์ อับดุลราห์มาน

อดีตพระราชาธิบดี หรือ ยังดีเปอร์ตวนอาฆง
สุลต่านซาลาฮุดดิน อับดุลอาซีซ ชาห์ อิบนีอัลมาร์ฮูมสุลต่านเซอร์ฮีชามูดดิน อาลาม ชาห์ (Al-Marhum Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah Ibni Al-Marhum Sultan Sir Hisamuddin Alam Shah) เป็นพระราชาธิบดีองค์ที่ 11 ของประเทศมาเลซีย โดยดำรงตำแหน่งพระราชาธิบดีระหว่างวันที่ 26 เมษายน 1999 - 21 พฤศจิกายน 2001

ครอบครัว
มีราชโอรสและราชธิดา 10 พระองค์จาก 3 มเหสี ต่อมาเมื่อ 3 พฤษภาคม 1990 ได้แต่งงานอีกครั้งกับนางสาวซีตีอาอีซะห์ บินตีอับดุลราห์มาน (Siti Aishah binti Abdul Rahman) ขณะนั้นพระองค์มีอายุ 56 ปี ส่วนนางสาวซีตีอาอีซะห์ บินตีอับดุลราห์มาน มีอายุเพียง 19 ปี ซึ่งต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นพระราชินีแห่งรัฐสลังงอร์ โดยได้รับยศเป็น Cik Puan Besar Selangor ทั้งสองไม่มีบุตรด้วยกัน

ดำรงตำแหน่งพระราชาธิบดีแห่งประเทศมาเลเซีย
พระองค์ได้รับเลือกให้เป็นพระราชาธิบดีแห่งประเทศมาเลเซีย หรือ Yang di-Pertuan Agong เมื่อ 26 เมษายน 1999 มีวาระ 5 ปี โดยจะครบวาระการเป็นพระราชาธิบดีในปี 2004 แต่ปรากฏว่าพระองค์สิ้นชีวิตเสียก่อน ขณะดำรงตำแหน่งพระราชาธิบดี เมื่อ 21 พฤศจิกายน 2001 ด้วยโรคหัวใจ โดยพระองค์ผ่าตัดหัวใจที่ประเทศสิงคโปร์ และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล Mount Elizabeth ประเทศสิงคโปร์ เป็นเวลา 2 เดือนก่อนเสียชีวิตที่โรงพยาบาล Gleneagles Intan กรุงกัวลาลัมเปอร์

ซีตีอาอีซะห์ อับดุลราห์มาน ขณะดำรงตำแหน่งเป็นพระราชินีแห่งประเทศมาเลเซีย

ซีตีอาอีซะห์ อับดุลราห์มาน ขณะดำรงตำแหน่งเป็นพระราชินีแห่งประเทศมาเลเซีย

ซีตีอาอีซะห์ อับดุลราห์มาน (Yang Amat Mulia Permaisuri Siti Aishah binti Abdul Rahman)
เกิดเมื่อ 18พฤศจิกายน 1971 เกิดที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้รับการศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนประถม Jalan Gurney กรุงกัวลาลัมเปอร์ ต่อมาเรียนต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนมัธยม Puteri Titiwangsa กรุงกัวลาลัมเปอร์
หลังจากนั้นเข้าศึกษาต่อด้านการธนาคารที่สถาบันเทคโนโลยี่มารา (Institut Teknologi MARA) วิทยาเขตโกตาบารู รัฐกลันตัน ต่อมาสถาบันนี้ได้รับการยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี่มารา (Universiti Teknologi MARA) เริ่มรับตำแหน่งพระราชินีแห่งประเทศมาเลเซียเมื่อ 26 เมษายน 1999 สิ้นสุดตำแหน่งเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2001 เมื่อสุลต่านซาลาฮุดดิน อับดุลอาซีซ ชาห์ อิบนีอัลมาร์ฮูมสุลต่านเซอร์ฮีชามูดดิน อาลาม ชาห์ ผู้ดำรงตำแหน่งพระราชาธิบดีสิ้นชีวิตลง

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2010 อดีตพระราชินี หรือ Permaisuri Agong ของประเทศมาเลเซีย ที่ชื่อซีตีอาอีซะห์ อับดุลราห์มาน ได้ยื่นฟ้องนักเขียนบล๊อกที่ชื่อว่า สัยยิดอับดุลลอฮ อัล-อัตตัส(Syed Abdullah Al-Attas) บุตรชายนักเขียนชื่อดังของมาเลเซียที่ชื่อว่า สัยยิดฮุเซ็น อัล-อัตตัส (Syed Hussein Al-Attas) โดยทนายความสองคนของอดีตพระราชินีซีตีอาอีซะห์ อับดุลราห์มาน คือ นาย T. Gunaseelan และนาย Anthony M. Sebastian ได้ยื่นฟ้องศาลในนามของซีตีอาอีซะห์ อับดุลราห์มาน ขอให้ศาลมาเลเซียออกคำสั่งไม่ให้ผู้ถูกฟ้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเธอ ไม่ว่าจะเป็นผ่านบล๊อก หรือการพิมพ์หนังสือ ซึ่งทางสัยยิดอับดุลลอฮ อัล-อัตตัส(Syed Abdullah Al-Attas)จะพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับความรักของเขากับอดีตพระราชินีซีตีอาอีซะห์ อับดุลราห์มาน ด้วยครอบครัวฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของทั้งสอง จนนำมาซึ่งความขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย

ต่อมาสัยยิดอับดุลลอฮ อัล-อัตตัส(Syed Abdullah Al-Attas)ได้เปิดเผยภาพส่วนตัวของเขากับอาอีซะห์ อับดุลราห์มานผ่านบยล๊อกของเขาและหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น จนทำให้ฝ่ายซีตีอาอีซะห์ อับดุลราห์มาน ต้องขออำนาจศาลให้อีกฝ่ายระงับการเผยแพร่ภาพส่วนตัวของเธอกับสัยยิดอับดุลลอฮ อัล-อัตตัส(Syed Abdullah Al-Attas)

ภาพที่ปรากฎในบล๊อกและหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นมาเลเซีย

ภาพความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างซีตีอาอีซะห์กับสัยยิดอับดุลลอฮ

ภาพซีตีอาอีซะห์ในชุดแต่งกายปกติ

ภาพซีตีอาอีซะห์กับสัยยิดอับดุลลอฮ อัลอัตตัสที่บ้านของสัยยิดอับดุลลอฮ อัลอัตตัส

ภาพความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างซีตีอาอีซะห์กับสัยยิดอับดุลลอฮ

ภาพในร้านอาหาร

ภาพในร้านอาหาร

ครอบครัวของซีตีอาอีซะห์ อับดุลราห์ทาน

ภาพความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างซีตีอาอีซะห์กับสัยยิดอับดุลลอฮ

ภาพความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างซีตีอาอีซะห์กับสัยยิดอับดุลลอฮ

ภาพความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างซีตีอาอีซะห์กับสัยยิดอับดุลลอฮ

ซีตีอาอีซะห์ที่บ้านของสัยยิดอับดุลลอฮ อัล-อัตตัส

Khamis, 25 November 2010

งานมหกรรมเชงโฮ 2010 ที่เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย

โดย นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน

วันนี้วันที่ 26 พฤศจิกายน เป็นวันสุดท้ายของการจัดงานมหกรรมเชงโฮ (Cheng Ho Expo 2010)ที่เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย งานมหกรรมเชงโฮครั้งนี้จัดระหว่างวนที่ 21-26 พฤศจิกายน 2010 ถือเป็นงานใหญ่งานหนึ่งของรัฐกลันตัน ด้วยนอกจากมีการจัดบูธแสดงสินค้า การแสดงศิลปะการต่อสู้กังฟูจากวัดเส้าหลิน ประเทศจีนแล้ว ยังมีการพบปะระหว่างนักธุรกิจจากมาเลเซียกับนักธุรกิจจากประเทศจีน และอีกหลายประเทศที่เข้าร่วมในการจัดงานครั้งนี้

สัญญลักษณ์ของงานมหกรรมเชงโฮ

แผ่นโบรชัวร์รายชื่อบูธแสดงสินค้า

การจัดงานมหกรรมเชงโฮ 2010 ของรัฐกลันตันในครั้งนี้ได้มีการประชาสมพันธ์ทั้งโดยการตั้งป้ายโฆษณา มีการซื้อพื้นที่ประชาสัมพันธ์ในสื่อตีพิมพ์ ทั้งในระดับส่วนกลางและระดับท้องถิ่น

ป้ายโฆษณางานมหกรรมเชงโฮ
มีอยู่ทั่วรัฐกลันตัน และมีการประชาสัมพันธ์ถึงการจัดงานมาเป็นเวลานานนับเดือน

ป้ายโฆษณาในงานมหกรรมเชงโฮ

งานมหกรรมเชงโฮ 2010 นี้ได้รับความสนใจจากชาวรัฐกลันตันและคนต่างรัฐจำนวนมาก แม้ว่าพื้นที่จัดงานจะแคบด้วยพื้นที่จัดงานเป็นบริเวณด้านหน้าของสนามกีฬาสุลต่านมูฮัมหมัดที่ 4 แต่ทางผู้จัดได้ขยายพื้นที่จัดงานในส่วนของนิทรรศการเชงโฮ เป็นพื้นที่ภายในของโรงแรมหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างสนามกีฬาสุลต่านมูฮัมหมัดที่ 4

ภายในงานมหกรรมเชงโฮ

มุมหนึ่งภายในงานมหกรรมเชงโฮ

บูธผลิตภัณฑ์สร้างอาคารสถานที่ ผลิตในรัฐกลันตัน

พื้นที่ด้านหน้ากีฬาสุลต่านมูฮัมหมัดที่ 4 จะเป็นบูธแสดงสินค้าทั้งหมด โดยจัดเป็นเต็นท์ติดแอร์ หลายเต็นท์ด้วยกัน โดยแต่ละเต็นท์จะเป็นบูธของกลุ่มผู้ประกอบการ บริษัท ร้านค้าต่างๆ

บูธของกลุ่มผู้ประกอบการของรัฐกลันตัน

สินค้าพื้นเมืองของรัฐกลันตัน

สินค้าพื้นเมืองของรัฐกลันตัน

ในเต็นท์หนึ่งทางรัฐกลันตันได้จัดแสดงโครงการพัฒนาเมืองของรัฐบาลรัฐกลนตัน โดยทางรัฐบาลท้องถิ่นรัฐกลันตันได้จัดสร้างโครงการเมือง Settelite City เป็นโครงการสมัยใหม่ของรัฐกลันตัน เพื่อรองรับกับการพัฒนาเทคโนโลยี่สมัยใหม่

หนึ่งในโครงการเมือง Settelite City ของรัฐกลันตัน

นอกจากนั้นในเต็นท์หนึ่งยังมีการจัดบูธของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของรัฐและท้องถิ่น เท่าที่สังเกตุจะเห็นว่าสถาบันอุดมศึกษาเท่าน้นมีทั้งที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาระดับประเทศและสถาบันอุดมศึกษาระดับรัฐที่มีรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐต่างๆเป็นเจ้าของ

สถาบันอุดมศึกษาของรัฐเคดะห์เข้าร่วมจัดบูธ

งานมหกรรมเชงโฮ 2010 คร้งนี้นอกจากมีบูธของประเทศมาเลเซียแล้ว ยังมีบูธจากประเทศอดีตสหภาพโซเวียต เช่น จากสาธารณรัฐอุสเบกิสถาน สาธารณรัฐกาซักสถาน รวมทั้งบูธจากเขตปกครองจีนมุสลิม ประเทศจีน เช่น เขตมุสลิมนิงเซียะ และเขตปกครองมุสลิมชาวซินเกียง

บูธสินค้าของสาธารณรัฐอุสเบกีสถาน

บูธสินค้าของสาธารณรัฐอุสเบกีสถาน

บูธสินค้าของสาธารณรัฐอุสเบกีสถาน

บูธแสดงสินค้าของสาธารณรัฐกาซักสถาน

ภาพจากบูธของสาธารณรัฐกาซักสถาน

บูธสินค้าเสื้อผ้าจากเขตมุสลิมนิงเซียะ ประเทศจีน

การรักษาโรคโดยใช้ไฟจากบูธการแพทย์แผนจีน

ผู้หญิงชาวซินเกียง ประเทศจีนที่เข้าร่วมเปิดบูธอาหารชาวซินเกียง

ผู้ชายชาวซินเกียง ประเทศจีนที่เข้าร่วมเปิดบูธอาหารชาวซินเกียง

ที่น่าสนใจมีบูธจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย บางบูธนั้นผู้เขียนเคยมาแล้วจากงานต่างๆที่จัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ของจังหวัดชายแดนให้ต่างประเทศได้รู้จัก

บูธแสดงสินค้าจากอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี

ผู้ปฏิบัติงานในบูธกำลังสาธิตการทำข้าวยำ

สินค้าจากอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี

บูธสินค้าจากจังหวัดชายแดนภาคใต้

หมวกกะปียะห์จากชุมชนกะมิยอ จังหวัดปัตตานี

มีบูธหนึ่งที่ผู้เขียนสนใจคือบูธของบริษัท Thai OTOP จำกัด โดยได้รับรู้ข้อมูลเรื่องราวของบริษัท Thai OTOP จำกัดจากนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ฉบับหนึ่ง เท่าที่จำเนื้อหาในนิตยสารฉบับดังกล่าว กล่าวว่าเดิมทางหน่วยราชการไทยจะจัดบูธแสดงสินค้าจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ในประเทศมาเลเซีย แต่ต่อมาได้จัดตั้งบริษัทขึ้นมาใช้ชื่อว่า บริษัท Thai OTOP จำกัด โดยได้รับงบประมาณจากกงสุลใหญ่ของไทย ณ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นับล้านบาท ในนิตยสารฉบบดังกล่าวทางผู้จัดการบริษัท Thai OTOP จำกัด ได้เรียกร้องให้ทางหน่วยงานรัฐของไทยให้การช่วยเหลืองบประมาณโดยด่วน เพราะบริษัท Thai OTOP จำกัด มีทุนเหลือน้อยมาก ผู้เขียนมีความรู้สึกงงกับเนื้อหาดังกล่าว ด้วยตามสภาพความเป็นจริงแล้ว เมื่อให้เงินนับล้าน ท่านยังเลี้ยงตัวเองไม่รอด แถมยังจะขอทุนเพิ่มเติมอีก ความจริงถือว่าท่านประสบความล้มเหลวในการบริหารทางธุรกิจ หรืออาจคิดว่าเป็นเงินรัฐ(มาจากภาษีของราษฎรอีกนั้นแหละ !!)จะบริหารอย่างไรก็ได้ ไม่ใช่เงินเรา ทางอีกน่าจะไม่ใช่เพิ่มหรือช่วยเหลืองบประมาณ แต่น่าจะเปลี่ยนผู้บริหาร หรือ ปรับปรุงระบบการทำงานมากกว่า

บูธของบริษัท Thai OTOP จำกัด

สินค้าจากประเทศไทย

แผนป้ายของบริษัท Thai OTOP จำกัด

สำหรับประเทศไทย เราจะสนใจเรื่องบ้านดิน หรือบ้านที่สร้างด้วยดินเหนียว มีหนังสือหลายเล่มที่พิมพ์เกี่ยวกับการสร้างบ้านดิน ด้วยบ้านดินเป็นบ้านที่อาศัยอยู่สบาย อากาศเย็นสบาย ในขณะเดียวกันสำหรับประเทศอินโดเนเซีย บ้านไม้ไผ่ หรือบ้านที่สร้างด้วยไม้ไผ่กลายเป็นบ้านที่ได้รับความนิยมจากชาวอินเดีย ในงานมหกรรมเชงโฮ 210 ครั้งนี้ ทางประเทศอินโดเนเซียมีบูธบ้านไม้ไผ่กับเขาด้วย เป็นบูธจากเมืองโบโกร์ จังหวัดชวาตะวันตก ชนส่วนใหญ่ของชาวจังหวัดชวาตะวันตกจะเป็นชาวซุดา (Sunda)

บูธบ้านสร้างด้วยไม้ไผ่จากเมืองโบโกร์ จังหวัดชวากลาง ประเทศอินโดเนเซีย

แบบบ้านสร้างด้วยไม้ไผ่

ในเต็นท์หนึ่งพบบูธที่เป็นของโครงการบริจาคคัมภีร์อัลกุรอ่านสำหรับแจกกลุ่มเป้าหมาย เช่นชาวมุสลิมชนกลุ่มน้อยในประเทศต่างๆ หรือตามแต่ผู้บริจาคต้องการจะให้ โดยผู้บริจาคซื้อคัมภีร์อัลกุรอ่านจากโครงการ และโครงการจะทำหน้าที่นำคัมภีร์อัลกุรอ่านดังกล่าวไปให้แก่ผู้คนตามที่ผู้บริจาคต้องการ

โครงการบริจาคคัมภีร์อัลกุรอ่านสำหรับแจกกลุ่มเป้าหมาย

คัมภีร์อัลกุรอ่านสำหรับแจกกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับงานนิทรรศการเชงโฮนั้น ได้จัดขึ้นที่โรงแรมที่อยู่ใกล้กับสนามกีฬาสุลต่านมูฮัมหมดที่ 4 เป็นการแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ทัพเชงโฮ การแสดงสินค้าที่ทำการค้าในยุคสมัยแม่ทัพเชงโฮ หนังสือประวัติความเป็นมาของแม่ทัพเชงโฮ นอกจากนั้นยังมีการแสดงคัมภีร์อัลกุรอ่านที่ยาวที่สุดในโลก

คัมภีร์อัลกุรอ่านที่ยาวที่สุดในโลก

รูปป้นของแม่ทัพเชงโฮ

ภาพจินตนาการของแม่ทัพเชงโฮ

ภาพจินตนาการของแม่ทัพเชงโฮ

การแสดงถึงกองเรือของแม่ทัพเชงโฮ

เส้นทางการเดินเรือของแม่ทัพเชงโฮ

สุสานของบิดาแม่ทัพเชงโฮ

สุสานของแม่ทัพเชงโฮ

หนังสือต่างๆที่เขียนเรื่องราวของแม่ทัพเชงโฮ

ลูกหลานคนหนึ่งของแม่ทัเชงโฮ

บรรดาลูกหลานเชื้อสายแม่ทัพเชงโฮ

การแสดงเหรียญจีนในยุคแม่ทัพเชงโฮ