Sabtu, 20 Mac 2021

ดร. อาหมัด อโลนโต ซีเนียร์ หรือ อาหมัด โดโมคาว เอ. อโลนโต (Dr. Ahmad Domocao "Domie" A. Alonto) นักต่อสู้ชาวมุสลิมฟิลิปปินส์ภาคใต้

โดย นิอับดุลรากิ๊บ   บินนิฮัสซัน

อดีตวุฒิสมาชิกชาวฟิลิปปินส์ อยู่ในตำแหน่งระหว่าง 27 มกราคม 1956 – 13ธันวาคม 1961 เป็นตัวแทนของเขต  Lanao del Sur   เกิดเมื่อ 1 สิงหาคม 1914 ที่เมือง Ditsaan-Ramain จังหวัด  Lanao del Sur

เสียชีวิตเมื่อ 11 ธันวาคม  2002 (อายุ 88 ปี)    สังกัดพรรคการเมืองชื่อ Nacionalista Party    เขาได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์

เป็นทนายความ นักการศึกษา นักเขียน ผู้นำท้องถิ่น และนักต่อสู้ชาวมุสลิมจากจังหวัดลาเนาเดลซูร์ ภาคใต้ฟิลิปปินส์

 

ในปี 1988 เขาได้รับรางวัล King Faisal Prize for Service to Islam จากประเทศซาอุดีอาราเบีย

เขาเป็นบุตรคนโตจากพี่น้อง 6 คนของอดีตวุฒิสมาชิกสุลต่านอาเลายา แห่งรามัยน์ กับนางบัยฮัจยะห์อามีนะห์ บารีฆา อาลังอาดี ซึ่งเป็นลูกหลานชั้นที่ 6 ของสุลต่านมูฮัมหมัดดีปาตวน กุดารัต แห่งมาฆินดาเนา  ขีวิตในวัยเด็ก ได้รับการเรียนด้านศาสนาอิสลามจากมารดา ระหว่างปี 1921–1931 เรียนจบประถมศึกษา และมัธยมศึกษาจากโรงเรียนรัฐบาลในจังหวัดลาเนาเดลซูร์ และจบปริญญาตรีถึงปริญญาเอก ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ และเขาได้เป็นสมาชิก the Upsilon Sigma Phi fraternity ของมหาวิทยาลัยดังกล่าว เขาสอบได้เนติบัณฑิตในปี 1938

 

เขาเป็นน้องชายของนายอับดุลฆาฟูร์ มัดกี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดและอดีตนักการทูต และนายตาร์ฮาตา อาโลนโต ลุกมาน อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลาเนาเดลซูร์ สำหรับบุตรชายของเขาที่ชื่อว่า นายอัดนัน วิลลาลูนา อาโลนโต ปัจจุบันในยุคของประธานาธิบดีโรดรีโก ดูเตอร์เต ได้รับเลือกให้เป็นเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศซาอุดีอาราเบีย ส่วนบุตรสาวของ คือ นางเบโจเรีย โซรายา อาโลนโต อาดียง ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลาเนาเดลซูร์ ในปี 2016 และบุตรชายของเขาอีกคน คือ นายอาหมัด เองกราเซีย อาโลนโต จูเนียร์ เคยเป็นอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมินดาเนา ระหว่างปี 1987–1992

เขาเริ่มงานเป็นครูในจังหวัดลาเนาเดลซูร์ และเป็นนักเขียน(ไม่เปิดเผยชื่อ) ให้กับคณะกรรมการข้อมูลแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้รับยศเป็นร้อยตรีในกองทัพฟิลิปปินส์กองที่ 81ของกองกำลังสหรัฐฯในตะวันออกไกล (USAFFE)

 

ในช่วงการยึดครองของญี่ปุ่นระหว่างปี 1942–1945 เขาเป็นนายกเทศมนตรีเมืองดันซาลัน ซึ่งปัจจุบัน คือเมืองมาราวี ต่อมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลาเนา ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น ในขณะที่เขาทำงานให้กับการปกครองของญี่ปุ่น เขายังทำงานใต้ดินลับๆกับขบวนการต่อต้านญี่ปุ่น ซึ่งไม่เป็นที่สงสัยของญี่ปุ่นแต่อย่างใด   ภายหลังสงครามเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยประธานาธิบดี(Presidential Assistant) และที่ปรึกษาของทำเนียบประธานาธิบดี ระหว่างปี 1947–1948

ในปี 1954 เขาได้จัดตั้งมหาวิทยาลัยอิสลามมินดาเนา (The Mindanao Islamic University) หรือ ยัมอียะห์อัลฟิลิบบิน อัลอิสลามีย์ เป็นมหาวิทยาลัยอิสลามแห่งแรกในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ ระหว่างปี 1955–1961 เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาสูงของฟิลิปปินส์ สังกัดพรรค the Nacionalista Party. ผลงานในระหว่างอยู่ในตำแหน่ง เช่น การเสนอการจัดตั้งมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมินดาเนา หรือ the Mindanao State University (MSU) และมีการเสนอแก้ไขกฎหมายที่ชื่อว่า the Civil Service Law of 1959 เพื่อรับรองวันสำคัญทางศาสนาอิสลาม คือ วันตรุษอีดิลฟีตรี และวันตรุษอีดิลอัฎฮา นอกจากนั้นยังเป็นผู้เสนอกฎหมายตามคำสั่ง Republic Act No. 2228 ให้แบ่งแยกจังหวัดลาเนา ออกเป็นจังหวัดลาเนาเดลซูร์ และจังหวัดลาเนาเดลนอร์เต

 

การประชุมที่เมืองบันดุง

ในปี 1955 มีการประชุมของกลุ่มประเทศไม่ฝักฝ่ายใดขึ้นที่เมืองบันดุง ประเทศอินโดเนเซีย มีนายคาร์ลอส พี. โรมูโล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เป็นผู้นำตัวแทนของประเทศฟิลิปปินส์ และดร. อาหมัด อโลนโต ซีเนียร์ เป็นมุสลิมคนเดียวในตัวแทนประเทศฟิลิปปินส์ และเป็นโอกาสให้เขาได้สร้างความรู้จักกับอดีตประธานาธิบดียามาล อับดุลนัสเซอร์ แห่งประเทศอิยิปต์ อดีตประธานาธิบดีซูการ์โน แห่งประเทศอินโดเนเซีย และตนกูอับดุลราห์มาน ปุตรา แห่งสหพันธรัฐมาลายา

การเข้าร่วมประชุมครั้งนั้น สร้างความรู้จัก สร้างเครือข่ายของเขากับตะวันออกกลาง ทำให้โลกมุสลิมสนใจชาวมุสลิมในประเทศฟิลิปปินส์ มีผลทำให้เขาได้รับทุนการศึกษาให้กับชาวมุสลิมในประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อเข้าศึกษาในโรงเรียนการทหารกรุงไคโร รวมทั้งมหาวิทยาลัยอัล-อัซฮาร์ ประเทศอิยิปต์ หนึ่งในนักศึกษาที่ได้รับทุนครั้งนั้น คือ นายสลามัต ฮาชิม ซึ่งต่อมาได้จัดตั้งขบวนการต่อสู้ของชาวโมโร ภายใต้องค์กรชื่อว่า the Moro Islamic Liberation Front (MILF)

 

เขาเป็นสมาชิกก่อตั้งของ World Muslim League ที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในนครมักกะห์ นอกจากนั้นเขายังเป็นคณะกรรมการบริหารของ Council of the World Islamic Congress รวมทั้งเป็นคณะกรรมการบริหารของ the Central Council of the International Organization of Islamic Universities และยังเป็นกรรมการของอีกหลายองค์กรมุสลิมในประทศฟิลิปปินส์

เขาเป็นคนสนับสนุนให้ชาวมุสลิมมีการยอมรับในการจัดตั้ง the Moro National Liberation Front (MNLF) และต่อมาเป็นองค์กรที่แยกออกมาเป็น the Moro Islamic Liberation Front (MILF)

 

เขาเสียชีวิตเมื่อ 11 ธันวาคม 2002 ที่เมืองมาราวี จากการเป็นโรคมะเร็ง

 

 

Tiada ulasan: