Rabu, 24 Januari 2018

อิทธิพลของวรรณกรรมอาหรับในสังคมมลายู

โดย นิอับดุลรากิ๊บ  บินนิฮัสซัน
อิทธิพลของวรรณกรรมอาหรับในสังคมมลายู
         นอกจากมีการเผยแพร่วรรณกรรมฮินดู และวรรณกรรมชวาแล้ว  วรรณกรรมอาหรับก็มีการเผยแพร่สู่ภูมิภาคมลายู  เป็นเวลานานแล้ว  ในบันทึกของจีนใต้กล่าวว่าในปี  977  มีทูตที่นับถือศาสนาอิสลามชื่อ บูอาลี (อาบูอาลี)  ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนโดยเขาเดินทางมาจากรัฐโปนี (Poni) (บรูไน)  ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคมลายู
         แรกเริ่มนั้นวรรณกรรมฮินดูที่ได้รับการยอมรับในสังคมมลายูได้ถูกแทรกด้วยความเชื่อของอิสลาม  ด้วยวิธีดังกล่าวทำให้สังคมมลายูง่ายต่อการยอมรับความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม  หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องเกี่ยวกับศาสดา (Nabi) , บรรดาซอฮาบัต (Sahabat)  และนักรบอิสลามคนอื่นๆ   ทั้งหมดนั้นเป็นการเล่าเรื่องด้วยวาจาครั้งตอนเผยแพร่ศาสนาอิสลาม  จะถูกแพร่ยังภูมิภาคมลายูก่อนหน้านั้น  แม้แต่คำว่า “Hikayat”  ที่ใช้ในเรื่องราวของวรรณกรรมฮินดูและวรรณกรรมชวาก็ยืมมาจากคำในภาษาอาหรับ
                                 หินปักหลุมศพ (Batu Nisan) ของกสุลต่านมาลีกุลซอลและห์
หินปักหลุมศพ (Batu Nisan) ของสุลต่านมาลีกุลซอลและห์

                            หินปักหลุมศพ (Batu Nisan) ของ Fatimah  bt  Maimun
         อิทธิพลของภาษาอาหรับนั้นสามารถเห็นได้จากหินปักหลุมศพ (Batu Nisan) ของกสุลต่านมาลีกุลซอลและห์ (Sultan Malik-ul-Saleh) ซึ่งหินปักหลุมศพนั้นกล่าวว่ามาจาก Kembayat (กัมพูชา)  น่าจะมาจากจามปามากกว่า  อักขระที่ใช้ที่หินปักหลุมศพนั้นได้กล่าวถึงเวลาที่สุลต่านมาลีกุลซอลและห์  ซึ่งเป็นสุลต่านแห่งรัฐปาไซ (Pasai) บนเกาะสุมาตรา องค์แรกที่นับถือศาสนาอิสลาม  และที่ Leran , Gresik เกาะชวา ได้มีการพบหินปักหลุมศพของผู้หญิงมุสลิมคนหนึ่งชื่อ Fatimah  bt  Maimun  บันทึกว่า ปี 1082  ส่วนที่ตรังกานู (มาเลเซีย)  มีการพบศิลาจารึกด้วยอักขระที่สืบทอดบทบาทต่อจากอักขระเรนจง (Rancong)  การสร้างอักขระยาวีนั้นแน่นอนต้องก่อนศตวรรษที่  13  เพราะมีการใช้อักขระยาวีใน Hikayat  Raja Pasai ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงแนวความคิดของคนมลายูในการมีความคิดที่สูงและเค็มไปด้วยศิลปะ

Tiada ulasan: