เริ่มแรกการต่อสู้ของประชาชนชาวอาเจะห์
2.
จากสาธารณรัฐอิสลามอาเจะห์สู่ขบวนการอาเจะห์เสรี
การขาดการติดต่อนสื่อสารและการประสานงานครั้งนี้ไม่ทำให้ขวัญกำลังของดาวุด บือเระห์
และผู้สนับสนุนของเขาลดลง
เพียงว่าดารุด
บือเระห์มีความรู้สึกเสียใจว่าทำไมบรรดาผู้อาวุโสองเขา เช่น มูฮัมหมัด นาเซร์และชัฟรุดดิน ปราวีรานคราต้องการมอบตัวต่อซูการ์โน ถึงอย่างนั้นก็ตาม ดาวุด บือเระห์มีความมั่นใจว่าประชาชนชาวอาเจะห์สามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งและฟื้นฟูขวัญกำลังใจการต่อสู้ของพวกเขาเอง สำหรับดาวุด
บือเระห์แล้ว
ดารุลอิสลามสามารถฟื้นฟูและดำเนินการต่อสู้ปฏิวัติอาเจะห์ได้ ทั้งที่ความจริงแล้ว ขณะนั้นมันไม่ใช่เป็นเรื่อง่ายเลยต่อดาวุด บือเระหืในการต่อสู้กับซูการ์โน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ด้วยหลังจากมูฮัมหมัด นาเซร์ได้มอบตัวแล้ว ผู้นำดารุลอิสลามจำนวนมากได้ร่วมมอบตัว อย่างเช่น
คณะรัฐมนตรีรัฐอาเจะห์มีเพียง
10 คน
นอกจากนั้นได้มอบตัวกลับสู่อ้อมกอดสาธารณรัฐอินโดเนเซีย ด้วยเพราะบรรดาผู้นำหนุ่มของดารุดอิสลาม /
กองทัพอิสลามอินโดเนเซียยังคงร่วมต่อสู้
ดังนั้น ดาวุด บือเระห์จึงยืนหยัดต่อสู้ต่อไป
เพื่อสร้างความมั่นใจต่อกลุ่มตนเอง และเพื่อเป็นการร่วมกำลังในการต่อสู้ของเขา ไม่กี่วันหลังจากมูฮัมหมัด นาเซร์มอบตัว
ในช่วงเดือนสิงหาคม 1961 ดาวุด
บือเระห์ได้ประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐอิสลามอาเจะห์
เหตุการณ์นี้เป็นที่ชัดเจนว่าสามารถฟื้นฟูขวัญกำลังใจการต่อสู้ของประชาชนชาวอาเจะห์ต่อซูการ์โน ด้วยการประกาศสาธารณรัฐอิสลามอาเจะห์นี้การต่อสู่ของประชาชนชาวอาเจะห์ได้กลายเป็นแบ่งแยกจากการต่อสู้ที่หลากหลายพื้นที่อื่น
อาเจะห์ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ของดารุลอิสลาม /
กองทัพอิสลามอินโดเนเซียอีกต่อไป
สำหรับดาวุด บือเระห์ การต่อสู้ของสาธารณรัฐอิสลามอาเจะห์เป็นสงคราม
และการต่อสู้สงครามศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนอาเจะห์ และเพื่อประชาชนชาวอาเจะห์เท่านั้น
ในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของการก่อกบฏ
กลุ่มผู้ก่อกบฏสามารถมีอำนาจเกือบทั้งหมดของดินแดนอาเจะห์ (11) ขวัญกำลังของประชาชนมีเพียงเพื่อทำให้การจัดตั้งสาธารณรัฐอิสลามอาเจะห์สำเร็จเท่านั้น ยกเว้นเมื่องใหญ่ๆ เช่น
เมืองบันดาอาเจะห์, ซิกลี, ลังซา
และมือลาโยะห์
ที่กลุ่มกบฏดาวุด
บือเระห์ไม่สามารถมีอำนาจเหนือได้
นอกนั้น
เกือบทั้งหมดของทปูบ้านให้การสนับสนุนดาวุด บือเระห์ การประกาศแนวดาวุด บือเระห์นี้ทำให้เกิดการแย่งชิงอำนาจกันในพื้นที่ชนบท
สถานการณ์ทั่วดินแดนอาเจะห์มีความรู้สึกว่าอยู่ในการปฏิวัติ
ประชาชนชาวอาเจะห์กล้ายกำลังเตรียมพร้อมในการทำสงครามศาสนากับคนนอกศาสนา (กาฟีร์)
โดยการร้องตะโกนว่า
พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
กองกำลังดาวุด บือเระหื ไม่มีความเกรงกลัวในการผจญหน้ากับกองทัพแห่งชาติอินโดเนเซีย
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เพราะในหมู่ประชาชนชาวอาเจะห์มีความรู้สึกว่าพวกเขาถูกกดขี่โดยรัฐบาลซูการ์โน
ด้วยเหตุนี้ประชาชนชาวอาเจะห์รู้สึกว่าเกียรติยศของตนเองถูกเหยียบหยาม ความจริงนั้นคือ ประชาชนได้พบเห็นโดยตรงถึงการที่รัฐบาลซูการ์โนได้ทำให้โครงสร้างผู้นำทางขนบธรรมเนียมประเพณีต้องสูญสิ้นไป
และไม่สนใจบทบาทของผู้นำศาสนาต่อการดำรงชีวิตภายในประเทศ
ซูการ์โนไม่เคยเรียนรู้อาเจะห์ไม่ว่าเกี่ยวกับวัฒนธรรม ศาสนา
แต่ได้ทำให้อาเจะห์เป็นจังหวัดที่มีล้านปัญญาชน
และในขณะที่ประชาชนชาวอาเจะห์กำลังต่อสู้อย่างเข้มข้นนั้น รัฐบาลซูการ์โนแก้ไขปัญหาด้วยกำลังอาวุธ
ด้วยอาวุธที่มีจำกัดของกำลังดาวุด บือเระหื ทำให้พวกเขามีความลำลากในการควบคุมพื้นที่ที่ถูกยึด กองกำลังของดาวุด บือเระห์
มักถูกกองทัพแห่งชาติอินโดเนเซียขับไล่โดยง่าย
ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตามพวกเขาได้ต่อสู้ด้วยทำสงครามจรยุทธในหลายพื้นที่ชนบาท
จนถึงก่อนถึงวาระสุดท้ายของประวัติศาสตร์สาธารณรัฐอิสลามอาเจะห์ กองกำลังของดาวุด บือเระห์
เพียงเคลื่อนไหวในเขตป่าและพื้นที่ชนบทของอาเจะห์ปีดี และอาเจะห์เหนือ
นอกนั้นกองทัพแห่งชาติอินโดเนเซียสามารถขับไล่พวกกบฏโดยง่ายความอ่อนแอของกำลังทหารและอาวุธที่มีจำกัดเช่นนี้ ทำให้กองกำลังสาธารณรัฐอิสลามอาเจะห์รู้สึกอ่อนล้า ปันป่วน
หมดหวัง
เพียงภายในเวลาหนึ่งปีขวัญกำลังใจ
การก่อกบกของพวกเขาถดถอย
ไม่เป็นเรื่องแปลกเมื่อมีข้อเสนอจากพลเอก เอ.เอช. นาซูตียุน
รัฐมนตรีรักษาความสงบภายในให้กองกำลังสาธารณรัฐอิสลามอาเจะห์กลับคืนสู่อ้อมกอดของสาธารณรัฐอินโดเนเซีย ปรากฏว่าพวกเขาก็ทำตาม ข้อเสนอของนาซูตียุน ถูกส่งผ่านแม่ทัพภาคที่ 1 อิสกันดาร์
มูดา ที่ชื่อพันเอก มูฮัมหมัด
ยาซีน
ยาซีนผู้ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลกลางนี้ได้ดำเนินติดต่อกับผู้สนับสนุนดาวุด บือเระห์
มีการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายหลายครั้ง
เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่หลั่งเลือดในพื้นที่นั้น
ในการเจรจาของทั้งสองฝ่ายนั้นมีนักการศาสนาได้เข้าร่วมด้วย
จนกระทั่งนักการศาสนาบอกกล่าวถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่เป็นตัวทำลายทั้งต่อดาวุด บือเระห์
หรือต่อ มูฮัมหมัด ยาซีน
ที่เป็นตัวแทนสาธารณรัฐอินโดเนเซีย
ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนหน้าที่
ยาซีนได้ขอร้อง เอช.เอ็ม.
นูร์เอล-อิบราฮีมี
ซึ่งขณะนั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตอาเจะห์ให้เดินทางกลับบ้านเกิดโดยด่วน อิบราฮิมถูกขอร้องให้ค้นหา พบปะ
และเกลี้ยกล่อมดาวุด บือเระห์ บังเอิญว่าดาวุด บือเระห์เป็นต่อตาของอิบราฮิม ผู้นำการต่อสู้ของอาเจะห์ผู้นี้จึงไม่อาจปฏิเสธได้
เจาจึงเข้าป่าเพื่อค้นหาพ่อตาตัวเองภายหลังจากมีการเจรจาเป็นเวลา 5 วัน
5 คืน ในที่สุด
ดาวุด
บือเระห์ก็เห็นด้วยสำหรับการลงจากภูเขาขานรับข้อเสนอของพลเอก เอ.เอช. นาซูตียุด รัฐมนตรีรักษาความสงบภายใน และยุติการก่อกบฏพร้อมกลับสู่อ้อมอกของสาธารณรัฐอินโดเนเซีย
สำหรับด้านอื่นนั้น
จากการเจรจากับผู้นำอาเจะห์หลายครั้งในที่สุดมีการเห็นชอบโดยรัฐบาลกลางจะให้สิทธิเต็มที่ในการดำเนินการปฏิบัติตามหลักชารีอะห์กฎหมายอิสลามแก่ประชาชนชาวอาเจะห์ ดาวุด
บือเระห์ พร้อมผู้สนับสนุนก็เต็มใจรับข้อเสนอดังกล่าว
ทั้งสองฝ่ายจึงมีโครงการจัดดำเนินการตามหลักการชารีอะห์ต่อประชาชนชาวอาเจะห์
(แต่ว่าจนถึงปัจจุบันร่างโครงการจัดดำเนินตามหลักการชารีอะห์ถูกระงับโดยรัฐบาลกลาง)
เส้นทางแห่งสันติภาพที่มีขึ้นจนได้โดยไม่มีฝ่ายใดลงโทษประหารชีวิตแต่สิ่งที่มีขึ้นคือการอภัยโทษต่อสมาชิกทุกคนของกองกำลังสาธารณรัฐอิสลามอาเจะห์
สำหรับพวกเขาที่สนใจเข้าร่วมเป็นกำลังของกองทัพแห่งชาติอินโดนีเซีย ทางรัฐบาลกลางก็ยินดีรับเข้าร่วม ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพอิสลามอาเจะห์ คือ พันเอกฮาซัน ซาและห์
ซึ่งเข้าร่วมกับกองทัพแห่งชาติอินโดนีเซีย
และคงได้รับผลเป็นพันเอกเช่นเดิม
การก่อกบฎก็ได้กลายเป็นอดีตที่ข่มขื่น
เพราะตลอดการเกิดกบฎดารุลอิสลามอินโดนีเซียที่อาเจะห์ ตั้งแต่ปี 1953 จนถึง
1964 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 4,000 คน
เพื่อทำให้เกิดสิ่งที่ดีกว่านี้
ประชาชนชาวอาเจะห์จึงมีการรวมชุมนุมขนาดใหญ่โดยเรียกว่าการประชุมประชาชนชาวอาเจะห์ ( Musyuarat
Kerukunan Rakyat Aceh )
การชุมนุมที่มีประชาชนและบรรดานักการเมืองครั้งนี้เกิดขึ้นที่พลังปาดัง เมื่อ 22 ธันวาคม 1962
การประชุมประชาชนชาวอาเจะห์
ครั้งนี้ต่อมาเป็นปฎิญญาพลังปาดังโดยมีผู้ทำสำคัญของอาเจะห์จำนวน 17 คน
ภายหลังการเกิดปฎิญญานี้ดินแดนอาเจะห์ก็สงบลงและร่มเย็นเป็นปกติ ไม่มีการก่อกบฏเกิดขึ้นอีกเลยและกองกำลังดารุลอิสลามและกองทัพอิสลามอินโดนีเซียทั้งหมดก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม อีกส่วนหนึ่งนั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพแห่งชาติอินโดนีเซีย
จนวาระสุดท้ายของรัฐบาลยุคเก่าภายใต้การนำของซูการ์โนดินแดนอาเจะห์ก็สงบสุขเป็นปกติ ประชาชนชาวอาเจะห์สามารถลืมรอยแผลจากการก่อกบฎดารุลอิสลาม
/ กองทัพอินโดนีเซียได้
เอกเช่นเดียวกันกับในสมัยต้นของยุคใหม่ภายใต้การทำของซูการ์โน
ดินแดนอาเจะห์ก็ยังสงบสุข เหตุการณ์ 6-
30 –s /PKI และการปฎิบัติการกวาดล้างต่อคนที่ถูกถือว่าเป็นลูกสมุนของพรรคคอมมิวนีสต์อินโดนีเซียในอาเจะห์
แต่ไม่ครึกโครมเหมือนในจังหวัดสุมาตราเหนือ อันเป็นจังหวัดพื้นบ้าน
3.
การเกิดขบวนการอาเจะห์เสรี
กลับมาดูสถานการณ์ในอาเจะห์อีกครั้ง
เพราะบรรดาผู้นำอาเจะห์เห็นว่ารัฐบาลยุคใหม่ภายการนำของซูฮาร์โต
เป็นที่แน่ชัดว่าไม่ได้ทำผลประโยชน์อะไรเลยเข้ามาสู่ดินแดนอาเจะห์ ซูฮาร์โต และซูการ์โนไม่แตกต่างกันเลย ยิ่งซูฮาร์โตเริ่มแสดงออกถึงพฤติกรรมของความโลภโดยขโมยทรัพยากรณ์ธรรมชาติของอาเจะห์ผ่นโครงการระดับนานาชาติในยุคปี
1970
ความหวาดระแวงของผู้ทำอาเจะห์ครั้งนี้ก็เป็นจริง
ภายหลังเห็นว่าซูฮาร์โตรับอำนาจนิติบัญญัติผ่านการเลือกตั้งในปี 1971
ที่นำพรรคโกลการ์ชนะแบบทะล่มทะลาย
จากสิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้นำหัวรุนแรงของดารุลอิสลามส่วนหนึ่งมีความแน่วแน่ที่ต้องจัดตั้งขบวนการ โดยวิธีการเริ่มก่อนการเลือกตั้งในปี 1977 จนกระทั่งได้เกิดเป็นขบวนการอาเจะห์เสรี( GAM )
ถึงแม้ว่าขบวนการอาเจะห์เสรีได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ในการเลือกตั้งปี 1977
ประชาชนชาวอาเจะห์ยังมีไม่มากที่รับรู้เกี่ยวกับขบวนการต่อสู้ดังกล่าว ที่พวกเขารู้มีเพียงพรรคร่วมพัฒนา (Partai
Persatuan Pembangunan) หรือ
PPP ที่มีสัญญาลักษณ์ภาพกะบะห์ เป็นการเกิดการต่อสู้ใหม่ ของจิตวิญญาณดารุลอิสลาม ในขณะนี้นช่วงการเลือกตั้งปี 1977
สถานการณ์ที่อาเจะห็เริ่มมีวิกฤติ
นั้นคือรัฐบาลยุคใหม่เริ่มมีการแทรกแซงควบคุมดินแดนแห่งระเบียบมะกะห์นี้ส่วนหนึ่งของผู้นำอาเจะห์ที่เพียงมีผลประโยชน์ส่วนตัวได้ดำเนินการเพื่อให้ประชาชนสนับสนุนพรรคโกลการ์
ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาลยุคใหม่ ในการเลือกตั้งปี 1977
ประชาชนรุ้สึกว่าถูกกดขี่จึงได้ปฏิเสธสิ่งนั้น เหตุการณ์นี้ได้ทำให้สถานการณ์เอื้ออำนวยต่อขบวนการอาเจะห์เสรีที่เพิ่งเกิด
เพื่อปลูกฝังอิทธิพลของเขาต่อประชาชนในการต่อต้านรัฐบาลกลางดังนั้นการแย่งชิงกันระหว่างสามเส้าคือประชาชน -
ขบวนการอาเจะห์เสรี – รัฐบาล
ยุคใหม่มในขณะนั้นไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณชน ความขัดแย้งเหล่านั้นค่อนข้างจะปิดลับ
อ้างอิง
11. Hasan Saleh (1992) : Mengapa Aceh Bergolak.
Tiada ulasan:
Catat Ulasan