Jumaat, 29 Januari 2016

องค์กรโลกมลายู-โปลีเนเซีย ที่เรายังไม่รู้จัก

โดย นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน
    ในโลกมลายูมีองค์กรที่มีบทบาทเคลื่อนไหวด้านสังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจอยู่ 2 องค์กรใหญ่ๆ หนึ่งองค์กรที่เรารู้จัก และเป็นข่าวใหญ่โตตามหน้าหนังสือพิมพ์ไทยเมื่อไม่นานมานี้ คือองค์กรโลกมลายูโลกอิสลาม หรือ Dunia Melayu Dunia Islam และอีกองคกรหนึ่งคือ องค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย หรือ World Melayu-Polynesian Organisation ซึ่งทั้งสององค์กรมีบทบาทและวิธีการดำเนินการองค์กรที่แตกต่างกัน องค์กรแรกคือองค์กรโลกมลายูโลกอิสลาม หรือ Dunia Melayu Dunia Islam นั้นแรกเริ่มจะจดทะเบียนในฐานะองค์กรอิสระคล้ายองค์กรเอกชนทั่วไป  แต่ภายหลังได้จัดตั้งขึ้นเป็นหน่วยงานหนึ่งของรัฐมะละกา ดังนั้นเลขาธิการขององค์กรโลกมลายูโลกอิสลาม (DMDI) จึงมีฐานะเป็นผู้อำนวยการหน่วยงานหนึ่งของรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐมะละกา 
สำหรับการดำเนินงานขององค์กรโลกมลายูโลกอิสลามพยายามมีการจัดตั้งสาขาองค์กรขึ้นมาในประเทศต่างๆ  นอกจากบางรัฐในประเทศมาเลเซีย บางจังหวัดในประเทศอินโดเนเซียแล้ว ยังมีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาในประเทศศรีลังกา  อังกฤษ  เนเธอร์แลนด์ บอสเนีย สิงคโปร์ รวมทั้งในประเทศไทยด้วย  องค์กรโลกมลายูโลกอิสลาม(DMDI) อยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ที่สุด คือ ช่วงที่ประธานองค์กรคือตันสรีมูฮัมหมัดอาลี มูฮัมหมัดรุสตัม มีตำแหน่งเป็นรองประธานพรรคอัมโน พรรครัฐบาลมาเลเซีย และมุขมนตรีรัฐมะละกา  ต่อมาประธานองค์กรโลกมลายูโลกอิสลาม(DMDI) แพ้การเลือกตั้งเมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ 13 ของประเทศมาเลเซีย  แต่ต่อมาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นวุฒิสมาชิก  จนปัจจุบันไม่มีตำแหน่งใดๆในรัฐบาลมาเลเซียและพรรคอัมโน  จะมีก็ตำแหน่งประธานบรรษัทผู้ประกอบการแห่งชาติจำกัด (Perbadanan Usahawan Nasional Berhad) หน่วยงานรัฐของมาเลเซียที่สนับสนุนด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการในมาเลเซีย  องค์กรโลกมลายูโลกอิสลาม(DMDI) จะเน้นการสร้างเครือข่ายกับนักการเมือง กลุ่มการเมือง
ส่วนองค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย หรือ World Melayu-Polynesian Organisation จดทะเบียนในฐานะเป็นองค์กรเอกชน  ดำเนินการโดยนักวิชาการ และข้าราชการที่เกษียญราชการ มีเต็งกูไซนัลอาบีดิน เต็งกูมุคริซ ราชโอรสของเจ้าผู้ครองรัฐแห่งรัฐนัครีซัมบีลันเป็นองค์อุปถัมภ์องค์กร และศาสตราจารย์ ดร. ดร. กามารุดดิน  กาจาร์ เป็นประธานองค์กร มีสำนักงานใหญ่ที่เมืองปุตราจายา  การดำเนินงานขององค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย จะเน้นด้านวิชาการ ไม่อิงการเมือง  องค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย จะมีวิธีการสร้างเครือข่าย สร้างความสัมพันธ์กับองค์กรต่างๆมากกว่าที่จะไปจัดตั้งสาขาองค์กรขึ้นมาในประเทศต่างๆ  มีการจัดการประชุมครั้งแรกในเดือน กรกฎาคม 2012 ที่รัฐนัครีซัมบีลัน ประเทศมาเลเซีย โดยใช้ชื่องานว่า The First International Conference on Melayu-Polynesian Ancestral Nations  ในการประชุมสัมมนาครั้งนั้น มีผู้เข้าร่วมสัมมนาประมาณ  550 คน มาจากประเทศต่างๆ 11 ประเทศ  ในการประชุมสัมมนาครั้งนั้น มีมติจัดตั้งองค์กรขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า องค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย หรือ World Melayu-Polynesian Organisation เพื่อเป็นตัวกลางในการประสานกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ในกลุ่มภาษามลายูโปลีเนเซีย (Malayo-Polynesia Language) ซึ่งกล่าวว่ามีอยู่ใน 33 ชาติรัฐ  นอกจากประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียนแล้วยังมีในดินแดนต่างๆ  เช่น เกาะโคโคส ออสเตรเลีย เกาะคุ๊ก เกาะอิสเตอร์ เกาะกวม เกาะฮาวาย  ประเทศกีรีบาตี  ประเทศฟิจิ หมู่เกาะมาแชลส์ ประเทศนาอูรู ชาวเมารีในนิวซีแลนด์ ประเทศมาดากัสการ์ ประเทศอัฟริกาใต้ ไต้หวัน ประเทศตองกา  ซามัว ฯลฯ การรวมตัวในนามขององค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย โดยไม่มีการกีดกั้น จำกัดการนับถือศาสนา จะเป็นมุสลิม คริสต์ หรือความเชื่อใดๆ ก็สามารถเข้าร่วมได้
การจัดงานสัมมนาครั้งที่ 2 ใช้ชื่อว่า The Second International Conference on Melayu-Polynesian Ancestral Nations โดยจัดการประชุมสัมมนาที่เมืองอ๊อคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อ 20-28 มีนาคม 2014 พร้อมๆกับการประชุมครั้งที่ 2 ก็มีการจัดตั้งองค์กรของชาวเมารีขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า Maori Malay Polynesian Ancestral Nations Society ซึ่งองค์กรโลกมลายูโปลีเนเซียไม่มีนโยบายการจัดตั้งองค์กรสาขาขึ้นมาในประเทศใดๆ  สำหรับนโยบายขององค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย  คือ
มีการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต รวมทั้งมีการศึกษา ด้านวัฒนธรรม ภาษา ขนบธรรมเนียม จารีต ของผู้คนที่อยู่ในกลุ่มมลายูโปลีเนเซียที่อยู่ตามประเทศต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น  และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนที่ในกลุ่มมลายูโปลีเนเซีย  กิจกรรมอื่นๆขององค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย นอกจากจะจัดงานพบปะด้านธุรกิจ การค้า การท่องเที่ยวแล้ว ผลจากการประชุมสัมมนาครั้งที่ 2 มีมติให้ทางองค์กรโลกมลายูโปลีเนเซียจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นมา  ดังนั้นทางองค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัยขององค์กรขึ้นมาในประเทศนิวซีแลนด์ โดยใช้ชื่อว่า Nusa Polynesia University สำหรับคำว่า Nusa ย่อมาจากคำว่า Nusantara อันหมายถึงภูมิภาคมลายู  อยู่ระหว่างขออนุญาตจากทางรัฐบาลประเทศนิวซีแลนด์ และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในประเทศมาเลเซีย  นอกจากนั้นได้มีการจัดตั้งหอการค้าของชาวเมารีขึ้นมา เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ทางธุรกิจการค้ากับกลุ่มทุนในประเทศมาเลเซีย อินโดเนเซีย บรูไน สิงคโปร์ โดยใช้ชื่อว่า Maori-Melayu-Polynesian Chamber of Commerce  กลุ่มชาวเมารีของนิวซีแลนด์ ถือเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวอย่างเข้มแข็งในองค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย
จากการประชุมในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้มีการกำหนดกิจกรรมต่างๆสำหรับปี 2016 ทางองค์กรโลกมลายูโปลีเนเซียมีแผนทำโครงการพัฒนาชุมชนชาวจามในประเทศกัมพูชา นับว่าเป็นสิ่งที่ดีในการช่วยเหลือชาวจาม ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของชาวมลายูโปลีเนเซีย  ด้วยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา คือ 21-24 พฤศจิกายน 2015 ทางศูนย์นูซันตาราศึกษา (Nusantara Studies Center) ซึ่งถือเป็นองค์กรเล็กๆองค์กรหนึ่งที่เคลื่อนไหวในองค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย  และ ศูนย์นูซันตาราศึกษา (Nusantara Studies Center) เป็นแกนหลักในการจัดงานสัมมนาวรรรกรรมภูมิภาคมลายู ครั้งที่ 8 ที่มีชื่อว่า Pertemuan Penyair Nusantara VIII และในโอกาสนั้น ทางศูนย์นูซันตาราศึกษา ก็ได้ใช้เครือข่ายเหล่านั้น และเครือข่ายต่างๆที่มีอยู่จัดตั้งองค์กรขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า  World Melayu-Polynesian Organisation Thailand หรือ องค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย สาขาประเทศไทย เพื่อเป็นองค์กรประสานกับองค์กรหลักในประเทศมาเลเซีย และองค์กรเครือข่ายต่างๆ  ทางองค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย
องค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย ได้กำหนดให้มีการประชุมสัมมนาครั้งที่ 3 ในชื่อว่า The Third International Conference on Melayu-Polynesian Ancestral Nations ขึ้นในเมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์  แต่ด้วยมีเหตุผลบางประการ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในการสื่อสาร ปัญหาความพร้อมของเจ้าภาพในการจัดงาน ทำให้การจัดงานที่จะมีขึ้นในเมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ จำต้องเลื่อนไป หรืออาจจะยกเลิกการจัดสัมมนาในเมืองดังกล่าว  ทางองค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย จึงเสนอทางศูนย์นูซันตาราศึกษา (Nusantara Studies Center)ว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมสัมมนาหรือเปล่า ผู้เขียนจึงตอบว่าศูนย์นูซันตาราศึกษา (Nusantara Studies Center) พร้อมที่จะรับเป็นผู้ดำเนินการจัดงาน  ด้วยประสบการณ์การจัดงานสัมมนาวรรรกรรมภูมิภาคมลายู ครั้งที่ 8 หรือ Pertemuan Penyair Nusantara VIII ทางศูนย์นูซันตาราศึกษา (Nusantara Studies Center) จึงสามารถสรุปถึงจุดแข็ง จุดอ่อน และแนวทางการแก้ไขปัญหาในการจัดงานครั้งต่อไป จึงสามารถยืนยันกับทางองค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย ว่าทางประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมที่จะเป็นสถานที่จัดงานประชุมสัมมนา 
การจัดงานประชุมสัมมนา The Third International Conference on Melayu-Polynesian Ancestral Nations ขององค์กรโลกมลายูโปลีเนเซีย ที่ยังไม่กำหนดวันเวลา มั่นใจว่าสามารถจะจัดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เหมือนเช่นการจัดงาน Pertemuan Penyair Nusantara VIII  นอกจากจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ยังสามารถเป็นเครือข่ายทางธุรกิจนำสินค้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่โลกมลายูโปลีเนเซียก็เป็นได้ และที่ขาดไม่ได้คือนิตยสาร 

Tiada ulasan: