โดย
นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน
ระบบศาลยุติธรรมของมาเลเซีย
ศาลสหพันธรัฐ
(Mahkamah
Persekutuan)
องค์ประกอบของศาลสหพันธรัฐนั้นมี[1]
1. ประธานศาลสหพันธรัฐ เรียกว่าหัวหน้าผู้พิพากษาศาลสหพันธรัฐ(Ketua Hakim
Negara Mahkamah Persekutuan ) และประธานศาลอุทธรณ์ 2.
หัวหน้าผู้พิพากษา(Hakim Besar)ของศาลชั้นสูงแห่งมาลายา
และศาลชั้นสูงแห่งบอร์เนียว 3. ผู้พิพากษาจำนวน 7 ท่าน
ในการดำเนินคดีนั้นศาลฎีกาจะประกอบด้วยผู้พิพากษาจำนวน 3
ท่านโดยได้รับการเลือกจากประธานศาลสหพันธรัฐ
แต่ในกรณีที่เป็นคดีสำคัญทางศาลสหพันธรัฐจะมีผู้พิพากษาจำนวน 5 ท่าน
ศาลชั้นสูง
(Mahkamah
Tinggi)
ศาลชั้นสูงแบ่งออกเป็น
2 ส่วนคือ 1. ศาลชั้นสูงมาลายา 2. ศาลชั้นสูงบอร์เนียว (รัฐซาบะห์และรัฐซาราวัค)
องค์ประกอบของศาลสูงนั้นมีดังนี้[2] 1. หัวหน้าผู้พิพากษา ( Hakim Besar ) จำนวน 2 ท่าน โดย 1 ท่าน มาจากแหลมมลายู (Malaya ) และอีก
1 ท่านมาจากรัฐซาบาห์ และรัฐซาราวัค 2. ผู้พิพากษาจำนวน35 ท่านโดย 8 ท่าน
มาจากรัฐซาบะห์และรัฐซาราวัคและจำนวน 27 ท่านมาจากแหลมมลายู ( Malaya ) ศาลสูงมีอำนาจที่ไม่จำกัด
แต่ส่วนใหญ่แล้วคดีที่อยู่นอกเหนืออำนาจของศาลต้นเท่านั้นที่จะไปพิจารณาในศาลสูง
และศาลสูงจะรับพิจารณาคดีที่มีการอุทธรณ์จากการตัดสินของศาลชั้นต้น
Mahkamah
Rendah ( ศาลชั้นต้น )[3]
ศาลชั้นต้นในแหลมมลายูประกอบด้วย
Mahkamah
Sesyen, Mahkamah Majistret, Mahkamah Juvenile และ Mahkamah
Penghulu
Mahkamah
Sesyen
เป็นศาลที่สูงที่สุดในศาลชั้นต้น
มีอำนาจในการตัดสินคดียกเว้นคดีที่มีการลงโทษประหารชีวิต
ผู้พิพากษาสามารถลงโทษจำเลยได้ยกเว้นแต่ลงโทษประหารชีวิต
ในคดีแพ่งมีอำนาจตัดสินในกรณีไม่เกิน100,000ริงกิต ยกเว้นกรณีอหังสาริมทรัพย์, มรดก, การหย่า, การล้มละลาย
Mahkamah
Majistret
เป็นศาลที่ตัดสินเกี่ยวกับคดีทั่วไปและคดีอาชญากรรม
ผู้พิพากษาชั้น2 สามารถตัดสินคดีในกรณีลงโทษไม่เกิน 12 เดือน
ในคดีแพ่งมีอำนาจตัดสินในกรณีไม่เกิน 3,000 ริงกิต ส่วนผู้พิพากษาชั้น1 ของMahkamah
Majistretมีอำนาจที่กว้างขวางโดยสามารถลงโทษในกรณีไม่เกิน 10 ปี
ในกรณีคดีแพ่งมีอำนาจมีอำนาจตัดสินในกรณีไม่เกิน25,000ริงกิต Mahkamah
juvenile เป็นศาลเด็กและเยาวชนที่ผู้พิพากษาชั้น 1
สามารถพิพากษาความผิดได้ทุกประเภทลงโทษได้ยกเว้นประหารชีวิต
และผู้พิพากษาต้องมีนักจิตวิทยาจำนวน 2 ท่าน
การพิพากษาในศาลนี้จะทำแบบปิดไม่อนุญาตให้สาธารณชนสามารถเข้าฟังการลงโทษผู้ผิดได้
หรือที่เรียกว่า In Camera การลงโทษคือจะส่งไปยังสถานฝึกอบรม
หรือ ปล่อยผู้กระทำความผิด
Mahkamah
Penghulu เป็นศาลที่มีผู้ใหญ่บ้านเป็นหัวหน้า Mahkamah
Penghulu ถือเป็นศาลที่ต่ำที่สุดในบรรดาศาลชั้นต้น
ส่วนใหญ่มักไม่ต้องพิจารณาคดี เพราะผู้ใหญ่บ้านสามารถเกลี้ยกล่อมคู่กรณีได้
ศาลชนิดนี้สามารถพิจารณาคดีที่มีความขัดแย้งในวงเงินไม่เกิน 50 ริงกิต
และปรับโทษได้ไม่เกิน 25 ริงกิต ศาลชั้นต้นในรัฐซาบะห์และรัฐซาราวัคนั้น
เมื่อมีการขยาย พ.ร.บ.ศาลชั้นต้นปี 1948 ไปยังรัฐซาบะห์และรัฐซาราวัคเมื่อ 1
มิถุนายน 1981 จึงทำให้มีการจัดตั้ง Mahkamah Juvenile และ Mahkamah
Sesyen ขึ้นในรัฐทั้งสอง โดยมีอำนาจหน้าที่เหมือนกับในแหลมมลายู
โดยทั้งสองศาลดังกล่าวในรัฐซาบาห์และรัฐซาราวัคมีผู้พิพากษาชั้น 1และ 2 เช่นกัน
ส่วนศาลที่เรียกว่า Mahkamah Penghulu นั้นในรัฐซาบะห์และรัฐซาราวัคไม่มี
แต่ในรัฐทั้งสองจะมีศาลชนเผ่าที่เรียกว่า Mahkamah Adat หรือ
Mahkamah Anak Negeri[4]
[1]
International
Law Book Services.2005.Perlembagaan Persekutuan.Petaling
Jaya. หน้า167-168
[2]
International
Law Book Services . แหล่งเดิม หน้า 169-171
[3]
Fauziah
Shafii & Ruslan Zainuddin.2000.Sejarah Malaysia.
Selangor: Fajar Bakti หน้า 500-505.
[4]
นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน.2548b.เอกสารบรรยายวิชาระบบกฏหมายในภูมิภาคมลายู.แผนกวิชามลายูศึกษา
ภาควิชาภาษา ตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ปัตตานี
Tiada ulasan:
Catat Ulasan