โดย นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน
เกาะลอมบอก เป็นอีกเกาะหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทย ชอบเดินทางไปเที่ยว หลังจากเกาะบาหลี เริ่มมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างมาก เกาะลอมบอก ได้รับขานชื่อว่า เป็นเกาะแห่งพันมัสยิด เพราะมัสยิดเต็มไปหมด แหล่งท่องเที่ยวของเกาะลอมบอกก็น่าสนใจยิ่ง
เพื่อให้เห็นภาพประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวไทย
จึงขอเสนอบทความเกี่ยวกับเกาะลอมบอก ที่คุณ suchaya.t ได้เขียนลงใน https://travel.mthai.com/world-travel/186215.html
เกาะลอมบอก (Lombok Island) หรือ
เกาะลมบก เป็นเกาะที่อยู่ทางตะวันออกของเกาะบาหลี ตั้งอยู่ที่จังหวัด
นูซาเติงการาตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งคำว่า “ลมบก”
ในภาษาชวาหมายถึงพริกขี้หนู แต่ขนาดพื้นที่ไม่เล็กพริกขี้หนูอย่างนั้น
โดยมีเนื้อที่มากถึง 4,725 ตารางกิโลเมตร เลยทีเดียว
เดิม เกาะลอมลอก เคยเป็นรัฐอิสระ
ประกอบด้วยอาณาจักรเล็กๆ หลายอาณาจักร
ต่อมาถูกชาวดัตช์เข้ายึดครองอยู่ช่วงหนึ่งไม่กี่สิบปี ก่อนจะถูกญี่ปุ่นรุกราน
และได้รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับอินโดนีเซียหลังสงครามสงบในปี พ.ศ.2488 ที่เกาะนี้จึงมีหลากหลายวัฒนธรรมผสมผสานกัน
อีกทั้งยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งน้ำตก ทะเล หาดทรายขาว ภูเขาไฟ
และเกาะแก่งอีก 17,508 เกาะ
ลักษณะเด่นของเกาะลอมบอก ก็คือ
ภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาและภูเขาไฟ โดยมีจุดที่อยู่สูงสุดคือ ภูเขาไฟรินจานี
ตั้งตระหง่านด้วยความสูงกว่า 3,726 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ของอินโดนีเซีย
รองจากภูเขาเครินซี บนเกาะสุมาตรา
ภูเขาไฟรินจานี (Gunung Rinjani) เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิทดี
โดยมีภูเขาไฟเล็กๆ ซ้อนกันในปล่องภูเขาไฟอีกที ตรงกลางปล่องมีทะเลสาบชื่อ Segara
Anak เมื่อขึ้นไปพิชิตยอดได้
จะเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะสมกับฉายาว่า Queen of Lombok หรือ
ราชินีแห่งลอมบอก อย่างไรก็ตามการปีนเขาที่นี้ไม่เหมาะสม
กับมือสมัครเล่นเท่าไหร่นัก
เนื่องจากต้องใช้ความชำนาญส่วนตัวและอุปกรณ์ในการเดินบนทางลาด
นอกจากนี้ ที่เกาะลอมบอก
ยังมีอีกหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากนักเมื่อเทียบกับเกาะบาหลี แต่ถ้าได้ไปเที่ยวดูสักครั้ง
อาจจะติดใจในความเงียบสงบและความงามของธรรมชาติ มากกว่าบาหลีก็เป็นได้
ขอยกตัวอย่าง เช่น
ด้วยการเดินทางที่เข้าถึงค่อนข้างยาก
ทำให้ธรรมชาติที่นี่ยังคงบริสุทธิ์งดงาม หาดทรายขาวสะอาด
น้ำทะเลสีเขียวตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าใส และลมทะเลเบาๆ โดยมีไฮไลท์เป็น ชิงช้ากลางทะเล
ที่นักท่องเที่ยวต้องเก็บภาพไปเป็นที่ระลึกกันทุกคน ชายหาดเบลอม
เป็นหาดที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองมาพักผ่อน
ยิ่งเวลาพระอาทิตย์ตกดิน ก็จะได้พบกับภาพทิวทัศน์ยามโพล้เพล้ที่สวยงาม ตลอดจนการออกมาชมดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
ก็เป็นบรรยากาศที่โรแมนติกมากเลยทีเดียว
มาตาราม (Mataram)
เมืองหลวงของเกาะลอมบอก
มีหลายสถานที่ให้ได้ไปเยี่ยมชมกัน เช่น Pura Meru วัดฮินดู
ที่ใหญ่ที่สุดของเกาะ ซึ่งมีสถาปัตยกรรมการปลูกสร้างที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
สร้างขึ้นเพื่อสักการะบูชาพระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ ประกอบด้วยลานวัดสามแห่ง
และเจดีย์มากกว่า 30 องค์
รวมไปถึง สวนสาธารณะ Narmada Park แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ
และออกกำลังกายของชาวเมือง, พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ Negeri
ที่จัดแสดงวัตถุโบราณหลายพันชิ้น และ มาตาราม มอลล์
ศูนย์การค้าสำคัญของเมือง
หาด Senggigi
หาดทรายขาวละเอียด ทอดตัวยาวโค้ง
ขนานไปกับทิวต้นมะพร้าวสูงและพืชพันธุ์ในป่าเขียวขจี มีคลื่นทะเลที่ค่อนข้างสงบ
เหมาะกับมาดำน้ำตื้น หรือว่ายน้ำสบายๆ อีกทั้งรอบๆ หาดยังเต็มไปด้วยรีสอร์ท
ร้านค้า ร้านอาหาร และวัด ให้เลือกพัก เลือกอิ่ม เลือกเที่ยวกันตามสะดวก
ซ่อนตัวอยู่ใจกลางป่า ในหมู่บ้าน Senaru
ซึ่งเป็นทางที่เราใช้ลงจากเขารินจานี น้ำตกนี้จะไหลลดหลั่นลงมาเป็น 2
ชั้น โดยตรงกลางถูกขั้นด้วยพืชพรรณที่ขึ้นหนา
จนดูเหมือนว่าน้ำตกแห่งนี้ถูกแบ่งเป็น 2 ท่อน
Sendang Gile
เดินเลยจากน้ำตก Tiu Kelep ไปอีกประมาณ
1.5 กิโลเมตร จะพบกับความอลังการของน้ำตกสองสายที่มารวมอยู่ด้วยกัน
สายแรกไหลลงมาเสมือนม่านน้ำตก 180 องศาโค้งเป็นครึ่งวงกลม ส่วนอีกสายอยู่ด้านบน
ไหลพุ่งลงมาเป็นสายเดียวขนาดใหญ่ ทำให้น้ำตกแห่งนี้ดูกว้าง อลังการ
และแปลกตามากทีเดียว
หาดทรายสีชมพู ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากสาหรายชนิดหนึ่ง
ลอยมาติดอยู่เต็มบริเวณหาดทราย ทำให้ทั้งเม็ดทราย และเปลือกหอย
ก็ถูกเคลือบเป็นสีชมพูหวานแหววไปด้วย แต่ถ้ามองผ่านๆ ไกลๆ แบบไม่สังเกตุ
ก็จะเหมือนหาดทรายทั่วไปที่สีจะออกน้ำตาลแดงหน่อยๆ
ด้วยพิกัดพื้นที่ของเกาะลอมบอก อยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตร
จึงส่งผลให้มีสภาพอากาศแบบร้อนชื้นตลอดทั้งปี ซึ่งช่วงเดือนมิถุนายน – ตุลาคม
เป็นช่วงที่น่าเดินทางมาเที่ยวมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ฝนตกน้อยที่สุด
โดยช่วงเดือนกรกฎาคม ถือเป็น high season นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวเวลานี้