โดย นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน
ตำนาน หรือ ฮีกายัติ จะหมายถึงวรรณกรรมประเภทหนึ่ง เป็นวรรณกรรมประเภทนิทานหรือเรื่องเล่า (romance) ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองที่มีต้นกำเนิดจากวรรณคดีเปอร์เซียและอาหรับ โดยคำว่า Hikayat หมายถึง เรื่องเล่า เป็นวรรณกรรมที่แพร่หลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งภูมิภาคมลายู ฮีกายัต หรือ ตำนานจะเป็นเรื่องราวที่ผสมผสานตำนานพื้นบ้าน ประวัติศาสตร์ และเรื่องแต่งแฟนตาซีเข้าด้วยกันตำนานอามีร์ฮัมซะฮ์ เล่าเรื่องราวความกล้าหาญและวีรกรรมของนักรบอิสลามนามว่า อามีร์ฮัมซะฮ์ ในยุคก่อนและช่วงเริ่มต้นของการฟื้นฟูอิสลาม ตำนานอามีร์ฮัมซะฮ์ เป็นหนึ่งในเรื่องราวตำนานที่กล่าวถึงในประวัติศาสตร์มลายู ในช่วงการป้องกันรัฐมะละกาจากการโจมตีของชาวโปร์ตุเกส กล่าวกันว่าตำนานอามีร์ฮัมซะฮ์ นี้ถูกอ่านเพื่อปลุกขวัญกำลังใจของนักรบชาวมลายู ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีอยู่ก่อนปี 1511 ก่อนที่รัฐมะละกาจะตกอยู่ภายใต้การยึดครองของโปร์ตุเกส และในฉบับที่ได้รับการตีพิมพ์ปี 1987 โดย Dewan Bahasa dan Pustaka, Kuala Lumpur, ในปี 1987 ปรากฎว่ามีจำนวนคำอยู่ถึง 245,273 คำ
เรื่องราวในคืนหลังจากที่ชาวโปร์ตุเกส
เปิดฉากโจมตีรัฐมะละกาครั้งแรก ดังที่ได้กล่าวไว้ในตำนานอามีร์ฮัมซะฮ์ ตามด้านล่างนี้
“จากนั้นสุลต่านอาห์หมัดได้รวบรวมผู้คนและสั่งให้พวกเขานำอาวุธมา
เมื่อถึงเวลากลางคืน หัวหน้าและบุตรชายของขุนนางทั้งหมดต่างรออยู่ในห้องโถง
บุตรชายของขุนนางจึงกล่าวว่า “พวกเรากำลังรออยู่ในห้องโถงอย่างเงียบๆ ทำอะไรอยู่?
เรามาอ่านเรื่องราวสงครามกันเถอะ
เพื่อที่เราจะได้รับประโยชน์จากมัน” จากนั้นตุนมูฮัมหมัดออนตา (Tun
Muhammad Onta) จึงกล่าวว่า “สิ่งที่ขุนนางพูดนั้นเป็นความจริง ให้ตุนอินดรา
ซาการา (Tun Indera Sagara) ไปขอตำนานมูฮัมหมัดฮานาฟิยะฮ์
และขอพรว่าหวังว่าสุภาพบุรุษทั้งหลายจะได้รับประโยชน์จากมัน เพราะพรุ่งนี้ชาวโปร์ตุเกสจะบุกเข้ามา”
จากนั้นตุนอินดราซาการาจึงไปพบสุลต่านอาห์หมัด
และนำคำอธิษฐานของประชาชนทั้งหมดไปถวายแด่พระองค์สุลต่านอาห์หมัด สุลต่านอาห์หมัดจึงพระราชทานตำนานอามีร์ฮัมซะฮ์
แล้วตรัสกับตุนอินเดราซาการาว่า “จงบอกบุตรชายของขุนนางทั้งหมดว่า
เราจะมอบให้พวกเขา”
ตำนานมูฮัมหมัด ฮานาฟิยาห์ เกิดจากความเกรงว่าสุภาพบุรุษทั้งหลายจะไม่กล้าหาญเท่ามูฮัมหมัดอามีร์ ฮัมซาห์ ดังนั้นเราจึงเล่าเรื่องราวของฮัมซาห์ จากนั้นตุนอินดรา ซาการา (Tun Indera Sagara) ก็ได้เล่าเรื่องราวของฮัมซาห์ออกมา แล้วถ่ายทอดคำสั่งทั้งหมดของสุลต่านอาห์หมัดไปยังบุตรชายของสุภาพบุรุษทั้งหลาย แต่พวกเขากลับเงียบ ไม่ตอบสนองใดๆ จากนั้นตุนอิซัป (Tun Isap) จึงกล่าวกับตุนอินเดรา ซาการา ว่า จงนำเสนอต่อพระองค์ท่านเถิด เหมือนกับมูฮัมหมัดฮานาฟิยาห์ ลุงเหล่านั้นก็เหมือนกับแม่ทัพผู้กล้าหาญ จากนั้นตุนอินเดรา ซาการา ก็ได้นำคำพูดทั้งหมดของตุนอิซัป ไปทูลสุลต่านอาห์หมัด พระองค์จึงทรงยิ้มและตรัสว่า "สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง" แล้วเขาก็ได้รับตำนานมูฮัมหมัด ฮานาฟิยาห์ด้วย”
ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณคดี
เรื่องราวของตำนานอามีร์ฮัมซะฮ์ เป็นสำเนาจากภาษาเปอร์เซีย
แม้ว่าจะมีเรื่องราวที่คล้ายคลึงกันในภาษาอาหรับก็ตาม ตำนานอามีร์ฮัมซะฮ์ เป็นหนังสือหนาที่มี
90 บท
ในนั้นเล่าเรื่องราวความกล้าหาญและความองอาจของซัยยิดินาฮัมซะฮ์ในการนำกองทัพมุสลิมทำสงครามกับกองทัพของพวกนอกรีต
ดังที่กล่าวไว้ในเรื่องเล่าของเขา อามีร์ฮัมซะฮ์เป็นลุงของท่านนบีมุฮัมมัด ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อามีร์ฮัมซะฮ์เป็นบุตรชายของอับดุลมุตตอลิบ กล่าวกันว่าอามีร์ฮัมซะฮ์เริ่มเข้ารับอิสลามสองปีหลังจากที่ท่านศาสดาได้รับวะห์ยู และได้ติดตามท่านนบีมุฮัมมัดอพยพไปยังนครมะดีนะฮ์ด้วยกัน
อามีร์ฮัมซะฮ์เป็นวีรบุรุษอิสลามผู้มีชื่อเสียง ความกล้าหาญและการรับใช้ชาติในสนามรบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุทธการบัดร์ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประวัติศาสตร์การพัฒนาของศาสนาอิสลาม ท่านอามีร์ฮัมซะฮ์เสียชีวิตขณะต่อสู้กับพวกผู้ไม่ศรัทธา จากนครมักกะห์ ซึ่งมีจำนวนมากมาย ณ เชิงเขาอุฮุด ใกล้เมือมาดีนะห์ ดังนั้น ตำนานอามีร์ฮัมซะฮ์ จึงเป็นที่จดจำของชาวมุสลิมเสมอมา และในเรื่องราวของท่านนั้น ผู้เขียนได้เพิ่มเติมรายละเอียดต่างๆ เข้าไปมากมาย
ตำนานอามีร์ฮัมซะฮ์
นอกจากจะมีเป็นภาษามลายูแล้ว ยังมีสำเนาในภาษาชวา ภาษาซุนดา และภาษาบูกิส
ในภาษาชวา เรื่องราวนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "Menak"
อ้างอิง
A. Samad Ahmad, Hikayat Amir Hamzah, Kuala Lumpur: Dewan Bahasa dan Pustaka, 1987.




Tiada ulasan:
Catat Ulasan