Ekonomi/Bisnis

Ahad, 27 September 2015

สัมผัสจิตวิญญาณมลายูในประเทศเมียนมา

โดย นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน
    เมื่อครั้งผู้เขียนได้เดินทางไปยังประเทศซาอุดีอาราเบียเมื่อปี 2528   ที่นครมักกะห์เพื่อนวัยรุ่นผู้เขียนชื่อว่า นายนิสิต นุ้ยแอ ปัจจุบันได้ข่าวว่าเปิดบริษัทกิจการฮัจญ์ชื่อว่า หจก. นาทวีบิสเน็ส แอนด์ ทราเวล  เพื่อนผู้นั้นได้แนะนำผู้เขียนให้รู้ฮุจยาตชาวมลายูจากเกาะสอง ประเทศเมียนมา  นั้นเป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้รับรู้ว่ามีชาวมลายูอาศัยอยู่ในประเทศเมียนมา  หลังจากนั้นอีกสิบกว่าปี  เมื่อผู้เขียนเดินทางไปประเทศมาเลเซีย  ที่นั่นมีการลงข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์กระแสหลักของมาเลเซีย ถึงการที่ชาวต่างชาติที่เข้าไปทำงานและตั้งถิ่นฐานในประเทศมาเลเซีย สร้างปัญหาทางเศรษฐกิจต่อประเทศมาเลเซีย ไม่ว่าต้องรับภาระค่าการรักษาพยาบาล  รับภาระงบประมาณสนับสนุนทางการศึกษา  ในข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ครั้งนั้น มีการลงข่าวของครูคนหนึ่งที่ได้กล่าวถึงการที่โรงเรียนของเขามีชาวมลายูจากประเทศเมียนมามาเรียนถึงกว่าครึ่งโรง  ซึ่งทำให้ผู้เขียนมีความสนใจมากขึ้นถึงความสัมพันธ์ของชาวมลายูจากประเทศเมียนมากับประเทศมาเลเซีย  ยิ่งครั้งหนึ่งลูกพี่ลูกน้องของผู้เขียนซึ่งตอนนั้นทำงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ได้พาหญิงชายคู่หนึ่งที่จะพักที่โรงแรม แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม เขาจึงพาชายหญิงคู่นั้นมาที่บ้านพักของเขา ซึ่งขณะนั้นผู้เขียนและแม่มาเยี่ยมเขา  ฝ่ายหญิงบอกแก่แม่ผู้เขียนว่าเธอถูกหลอก เราจึงไล่ฝ่ายชาย จนญาติพี่น้องฝ่ายหญิงหาตัวจนพบ  และมั่นใจว่าเธอปลอดภัย เราจึงมอบเธอต่อครอบครัวเธอที่เดินทางมาจากฝั่งมาเลเซีย  นอกจากนั้นตันสรีอิสมาแอล  ฮุสเซ็น  หนึ่งในนักปราชญ์มลายูศึกษาได้เขียนบทความที่ท่านได้เดินทางไปเยี่ยมญาติพี่น้องของท่านลงในวารสาร “Warta Gapena”  ซึ่งเป็นวารสารของสมาพันธ์นักเขียนแห่งชาติมาเลเซีย ขณะที่ท่านเป็นประธานของสมาพันธ์นักเขียนอยู่  และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลานชายภรรยาผู้เขียนได้เดินทางไปเกาะสอง ประเทศเมียนมา พร้อมเพื่อนๆ และพักที่ชุมชนชาวมลายูที่นั่นสองสามคืน ดังนั้นการรับรู้ถึงการมีอยู่ของชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาจึงมีอยู่ตลอด

    เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทางคณะนักศึกษามลายูศึกษา ม.อ. ปัตตานี มีแผนจะเดินทางไปเยี่ยมชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมา  ซึ่งจำเป็นที่ต้องใช้อินเตอร์เน็ตหาข้อมูลเกี่ยวกับชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมา  ข้อมูลที่ได้ส่วนใหญ่จะมาจากประเทศมาเลเซีย เป็นบทความต่างๆที่ชาวมาเลเซียเดินทางไปเยี่ยมชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมา ส่วนในประเทศไทยเรียกว่าแทบจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับชาวมลายูในประเทศเมียนมาเลย  คล้ายกับว่าชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาไม่มีอยู่ในสารบบความเป็นพี่น้องของมุสลิมไทย กลับกันข้อมูลชาวจามมุสลิมในประเทศลาว แม้จะมีเพียง สองสามร้อยคน กลับมีข้อมูลตามบทความต่างๆมากมาย  ผู้เขียนยิ่งเศร้าใจ เมื่อนักศึกษามลายูศึกษาผู้หนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้ประสานงานในการเดินทางไปสัมผัสชุมชนมลายูในประเทศเมียนมาครั้งนี้  เธอได้ติดต่อสอบถามกับอดีตผู้นำนักศึกษาท่านหนึ่ง ก็ได้รับคำตอบว่า เกาะสองไม่ปลอดภัย  เกาะสองไม่มีความสำคัญทางจิตวิญญาณ  ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องแสดงแผนที่ที่ตั้งของชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมา  เมื่ออาศัย  Google Earth สำรวจชื่อชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมา  ปรากฏว่ามีชื่อชุมชนชาวมลายูที่ชื่อเป็นภาษามลายูหลายชุมชนด้วยกัน เช่น กำปงเตองะห์ กำปงฮูลู  กำปงเมะปูเตะห์  กำปงปาเซร์ปันยัง  กำปงลามา  ดังนั้นจึงสามารถมั่นใจได้ว่าเกาะสองมีความสำคัญทางจิตวิญญาณสำหรับชาวมลายูนอกประเทศเมียนมาแน่นอน

   การเดินทางของคณะนักศึกษามลายูศึกษา ม.อ. ปัตตานีในครั้งนี้  ก่อนเดินทางไปสัมผัสชุมชนชาวมลายูในเกาะสอง  คณะเราได้เดินทางไปสัมผัสชุมชนชาวมลายูที่เกาะสินไห จังหวัดระนอง  เกาะสินไห มีชื่อเป็นภาษามลายูว่า ปูเลาปีไง  ชาวบ้านชาวเกาะเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์จะเป็นชาวมุสลิม ที่พูดภาษามลายู สำเนียงเคดะห์  การสัมผัสชุมชนชาวเกาะสินไหครั้งนี้ ทำให้คณะเราสัญญาว่าคณะเราจะไปเยี่ยมอีกครั้งหนึ่ง  ด้วยยังมีบางสิ่งบางอย่างที่เราต้องช่วยเหลือพี่น้องชาวมลายูบนเกาะสินไห  หลังจากนั้นคณะนักศึกษามลายูศึกษาจึงเดินทางเข้าเกาะสอง ประเทศเมียนมา  เกาะสองนี้ตั้งอยู่ภายใต้ภูมิภาคตะนาวศรี (Tanintharyi Region) ภาษามลายูจะเรียกภูมิภาคตะนาวศรีว่า Tanah Sari ประเทศเมียนมานี้ มีเขตการปกครองที่แปลกแตกต่างจากประเทศไทย มาเลเซีย หรือแม้แต่อินโดเนเซีย ด้วยเขตการปกครองใดที่มีชาวพม่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จะเรียกว่าภูมิภาค หรือ Region  เช่น ภูมิภาคตะนาวศรี ส่วนเขตการปกครองใดที่มีชนชาติอื่นๆ เช่น ชาวมอญ ชาวไทยใหญ่ เป็นชนกลุ่มใหญ่ จะเรียกเขตการปกครองนั้นว่า รัฐ (State) เช่น รัฐมอญ รัฐฉาน เมื่อคณะนักศึกษาเดินทางขึ้นฝั่งเกาะสอง  สิ่งแรกที่แปลกใจคือชาวเมียนมามุสลิมเชื้อสายอะไรสักอย่าง ถ้าไม่โรฮิงญา ก็เชื้อสายอินเดีย-บังคลาเทศ ที่ทำหน้าที่เป็นไกด์บริเวณท่าเรือ เขาสามารถพูดภาษามลายูกลางได้คล่องแคล่ว  เมื่อเราแจ้งว่าเราจะพักโรงแรมหนึ่งในตลาดเกาะสอง เขาได้พาคณะนักศึกษาไปยังโรงแรมแห่งนั้น ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังมัสยิดของเกาะสอง  เมื่อเดินทางใกล้ถึงมัสยิด  เมื่อชาวเมียนมา หน้าตาแบบชาวอินเดีย พูดภาษามลายูกลางทักทายเรา เขาบอกว่าเขาเป็นลูกครึ่งแม่มลายูส่วนพ่อเป็นมามะ (Mamak) คำว่ามามะเป็นคำเรียกชาวอินเดียมุสลิม เขาบอกว่าถ้าจะเยี่ยมชุมชนชาวมลายูให้ไปสอบถามลูกพี่ลูกน้องของเขา ซึ่งพูดภาษามลายูได้เช่นกัน  

    เราพักค้างคืนที่ตลาดเกาะสอง  โดยมีแผนวันรุ่งเช้าจะเดินทางไปสัมผัสชุมชนชาวมลายู ในตอนค่ำที่ตลาดเกาะสอง คณะเราโชคดีได้เจอคุณซัมซุดดิน ชาวมลายูเกาะสอง และในวันรุ่งขึ้นคุณซัมซุดดินได้พาผู้เขียนไปทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารมุสลิมที่ตลาดเกาะสอง และพบกับคุณมูฮัมหมัดบุตรชายอดีตท่านอิหม่ามของมัสยิดที่ตั้งใกล้ที่พัก จากการพูดคุยในเช้าวันนั้น ปรากฏว่าในตลาดเกาะสองเท่านั้นมีมัสยิดและมุซอลลา ทั้งหมดถึง 7 แห่ง ซึ่งมีมากกว่าที่เราเข้าใจเสียอีก  หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ คณะเราจึงเช่นรถสองแถว 2 คัน เพื่อพาคณะนักศึกษามลายูศึกษาสัมผัสชุมชนมลายู  ชุมชนชาวมลายูชุมชนแรกที่คณะเราสัมผัสคือหมู่บ้านไมล์ที่ 9 (Kampong 9 Batu) ซึ่ง ณ ชุมชนนั้น ผู้เขียนก็ได้ประกาศต่อคณะนักศึกษามลายูศึกษาว่า  วันนี้วันที่ 6 มิถุนายน ณ หมู่บ้านไมล์ที่ 9  แห่งนี้  นักศึกษามลายูศึกษาได้เดินทางครบแล้วทั้ง 10 ประเทศของกลุ่มประชาคมอาเซียน  หลังจากนั้นคณะเราก็ได้เดินทางไปเยี่ยมยังชุมชนอื่นๆ  เช่น หมู่บ้านไมล์ที่ 10  หมู่บ้าน  หมู่บ้านตันหยงบาได 

    จากการสัมผัสชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมา  ปรากฏว่าบางหมู่บ้านโรงเรียนตาดีกา ที่เป็นสถานที่อบรมสั่งสอนเด็กๆชาวมลายูต้องร้างลง เพราะขาดครูผู้สอน เด็กๆต้องไปเรียนศาสนาที่ต่างหมู่บ้าน ต้อง เมื่อถามชาวบ้านว่า ถ้ามีครูสอนศาสนาที่โรงเรียนร้างนั้น ผู้ปกครองจะนำลูกหลานมาเรียนไหม เขาตอบว่า ถ้ามีครูสอนศาสนามาจริง พวกเขาก็พร้อมที่จะนำลูกหลานกลับมาเรียนที่เดิม  บางหมู่บ้านที่เราสัมผัส ปรากฏว่าโรงเรียนตาดีกากำลังปรับปรุง ก่อสร้างอาคารที่มั่นคงขึ้น ส่วนครูได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อขอสนับสนุนทางการเงินในหมู่ชาวมลายูผู้เห็นอกเห็นใจชาวมลายูในประเทศเมียนมา  สำหรับบางหมู่บ้านที่สัมผัสปรากฏว่าชาวบ้านมีน้อยมาก เมื่อสอบถามได้ความว่า ส่วนหนึ่งได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย  เมื่อถึงวันสำคัญ เช่น วันตรุษอีดิลฟิตรี วันตรุษอีดิลอัฏฮา พวกเขาจึงจะเดินทางกลับมายังบ้านเกิดในประเทศเมียนมา   มีชุมชนหนึ่งปรากฏว่า มีการเปิดปอเนาะสอนศาสนาอิสลามให้กับเยาวชนชาวมลายู เมื่อสอบถามโต๊ะครูผู้สอน ปรากฏว่าเขาจบการศึกษาด้านศาสนามาจากปอเนาะแห่งหนึ่งในจังหวัดปัตตานี  แม้ว่าครอบครัวฝ่ายภรรยาจะเป็นครอบครัวนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงของเกาะสอง แต่เขากลับมุ่งสู่การเป็นนักการศาสนา  จากการพูดคุย สอบถามถึงชุมชนชาวมลายูในเกาะสองและบริเวณใกล้เคียง ก็ได้รับคำตอบว่ามีชุมชนชาวมลายูอยู่ประมาณ 23 หมู่บ้าน ผู้เขียนเห็นว่าโต๊ะครูผู้นี้เขาเป็นผู้เสียสละอย่างยิ่ง เนื่องในโอกาสที่ผู้เขียนและเพื่อนๆจะจัดงานด้านวรรณกรรมในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ผู้เขียนคิดว่าโต๊ะครูหนุ่มผู้นี้ สมควรที่จะได้รับการยอมรับรางวัลอะไรสักอย่างในฐานะนักการศึกษา

    ในประเทศไทยการรับรู้ถึงการมีอยู่ของชาวมลายูในประเทศเมียนมานั้น ยกเว้นชาวมุสลิมบริเวณจังหวัดระนองและจังหวัดใกล้เคียง  แทบจะเรียกได้ว่ามีน้อยมาก  จนบางคนกล่าวว่า เกาะสองไม่มีความสำคัญทางจิตวิญญาณ  ขณะที่ในประเทศมาเลเซีย อินโดเนเซีย  โดยเฉพาะผู้สนใจเกี่ยวกับโลกมลายูแล้ว ชุมชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาอยู่ในหัวใจพวกเขาเสมอ  เช่น เนื่องในโอกาสวันตรุษอีดิลอัฏฮาปีนี้ มีเพื่อนชาวอินโดเนเซีย คือ คุณ Imbalo นักธุรกิจเจ้าของโรงเรียนมัธยม Hang Tuah และสถานีโทรทัศน์  Hang Tuah แห่งเกาะบาตัม  จังหวัดหมู่เกาะเรียว ประเทศอินโดเนเซีย  ก็ได้เดินทางไปเยี่ยมชุมชนชาวมลายู พร้อมมอบวัวกุรบานให้แก่ชุมชนชาวมลายูในเกาะสอง ประเทศเมียนมา  สำหรับสถาบันปอเนาะสำคัญๆในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เอง ก็ได้กลายเป็นสถานที่ที่เยาวชนชาวมลายูในประเทศเมียนมาเดินทางมาเรียนทางศาสนาอิสลาม   แต่ที่สำคัญที่สุด เราสามารถรับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชาวมลายูในประเทศมาเลเซียกับชาวมลายูในประเทศเมียนมา  ประชาคมอาเซียนกำลังจะเกิดขึ้น ธุรกิจการค้าบางครั้งก็ไม่ได้เข้าทางประตูหน้าเสมอไป ผู้เขียนจึงไม่แน่ใจว่านักธุรกิจชาวมลายูบางคนในประเทศมาเลเซียจะใช้เส้นทางสู่ประเทศเมียนมาโดยผ่านชาวมลายูในประเทศเมียนมาหรือเปล่า 

Tiada ulasan:

Catat Ulasan