โดย นิอับดุลรากิ๊บ
บินนิฮัสซัน
ระหว่างวันที่ 23
พฤษภาคม - 3 มิถุนายน 2556 รวมเป็นเวลา 12 วัน
ทางข้าพเจ้าและนักศึกษาวิชาเอกมลายูศึกษา ภาควิชาภาษาตะวันออก
คณะมนุษยศาสตร์ฯ ม. สงขลานครินทร์
วิทยาเขตปัตตานี ได้แบกเป้ลุยกลุ่มประเทศในอินโดจีน คือประเทศลาว เวียดนาม
และกัมพูชา
การเดินทางของคณะเราเป็นการเดินทางที่มีระยะทางกว่า 6 พันกิโลเมตร
ทั้งเป็นการเดินทางโดยรถไฟและรถบัสประจำทาง
การเดินทางครั้งนี้เพื่อสัมผัสชนชาวจาม (Cham) นับว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่า ทำให้เราได้สัมผัสที่เป็นจริง
นอกเหนือจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับชนชาวจามในชั้นเรียน
ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เราได้ไปเยี่ยมมัสยิดอัลอัซฮาร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านโพนสวัสดิ์ใต้
เมืองสีโคกตะบอง นครหลวงเวียงจันทน์
ท่านอิหม่ามมัสยิดดังกล่าวได้อธิบายว่าชาวจามในนครหลวงเวียงจันทน์ทั้งหมดมีประมาณ 80 ครอบครัว
ทั้งหมดล้วนอพยพมาจากประเทศกัมพูชา
ส่วนหนึ่งก็ได้รับสัญชาติลาวแล้ว
ท่านอิหม่ามยังกรุณาพาคณะนักศึกษามลายูศึกษาไปเยี่ยมเยียนครอบครัวชาวจาม
ครอบครัวหนึ่งกล่าวว่าเขามีรากเหง้ามาจากชาวมลายูในรัฐตรังกานู
ประเทศมาเลเซีย และจนปัจจุบันเขาก็ยังมีพี่น้องอยู่ในรัฐต่างๆของประเทศมาเลเซีย
ส่วนการสัมผัสชนชาวจามในประเทศเวียดนามนั้น
คณะนักศึกษามลายูศึกษาได้ไปเยี่ยมมัสยิดอัลนูร์ ในกรุงฮานอย
เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม และไปเยี่ยมมัสยิดมัสยิดยามิอุลมุสลิมีน
ซึ่งเป็นมัสยิดกลางของเมืองโฮชิมินห์ ได้มีโอกาสพบปะท่านอิหม่ามมัสยิดแห่งนี้
และสร้างความประหลาดใจแก่คณะนักศึกษามลายูศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อท่านอิหม่ามที่พูดภาษามลายูได้คล่องกล่าวว่าท่านเป็นชาวมลายูผสมกับชาวจาม
มาจากจังหวัดอันเกียงของประเทศเวียดนาม ได้รับการศึกษาจากประเทศมาเลเซีย
และเคยศึกษาศาสนาอิสลามที่ปอเนาะดาลอ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
ผู้เขียนยังได้พบเพื่อนเก่าของข้าพเจ้าคือ ดร. พู วัน ฮั่น หรือชื่อจามว่า
ราชา อับดุลสามัด ฮั่น
นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเวียดนามในเมืองโฮชิมินห์ โดยเขาได้อธิบายว่า ชาวจามนั้นแบ่งออกเป็น 2
ส่วน คือ ชาวจามตะวันออก หมายถึงชาวจามที่อาศัยอยู่ในประเทศเวียดนาม
และชาวจามตะวันตก หมายถึงชาวจามที่อาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา
นอกจากนั้นยังได้อธิบายถึงขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีของชาวจามว่า
มีการยึดถือขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีโดยทางแม่ หรือ Matrilineal เหมือนกับชาวมีนังกาเบาของรัฐนัครีซัมบีลัน
มาเลเซีย และเกาะสุมาตรา อินโดเนเซีย
แต่ว่าการยึดถือขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีนี้ของชาวจามในปัจจุบันลดน้อยลง
ดร. พู วัน ฮั่น
ดุษฎีบันทิตจากมหาวิทยาลัยมาลายา ประเทศมาเลเซีย กล่าวเพิ่มเติมว่า
ชาวจามในประเทศเวียดนามนั้น ยังแบ่งได้ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
ชาวจามมุสลิม (Cham
Muslim) เป็นกลุ่มชาวจามที่นับถือศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด ต่อมาคือชาวจามบานี (Cham Bani) เป็นกลุ่มชาวจามที่นำหลักการศาสนาอิสลามมาผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิม
มีคัมภีร์อัลกุรอ่านที่ไม่เหมือนกับคัมภีร์อัลกุรอ่านของชาวมุสลิมทั่วไป และสุดท้ายคือชาวจามยาต (Cham Jat) คำว่า ยาต หรือ Jat มาจากคำว่า Jati หมายถึงดั้งเดิม ชาวจามยาต
จึงเป็นกลุ่มชาวจามที่นับถือความเชื่อดั้งเดิม
ในประเทศเวียดนามนอกจากมีชาวจามแล้ว
ยังมีกลุ่มชนที่ถูกรวมอยู่ในกลุ่มมลายู-โปลีเนเซียอีกหลายชนเผ่า เช่น ชาวเอเด หรือ
ระแด (Ede,
Rhade) ชาวราไกล(Raglai) ชาวจาไร(Jarai)
และชาวจุรู(Churu)
สำหรับการเดินทางไปยังประเทศกัมพูชา แม้ว่าในอดีตชาวจาม
จะเป็นชนกลุ่มหนึ่งที่ถูกสังหารเป็นจำนวนมากจากยุคกลุ่มพลพตครองอำนาจ
แต่ในปัจจุบัน
ถือว่าชาวจามในประเทศกัมพูชาได้รับการยอมรับจากรัฐบาลประเทศกัมพูชาเป็นอันมาก
นายสาและห์ ยูนุส (Nors
Sles) เพื่อนชาวจามกัมพูชาผู้มีตำแหน่งเป็นรองปลัดกระทรวงการศึกษา
เยาวชนและการกีฬา กล่าวว่าในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็น
มีชาวจามเป็นปลัดกระทรวงถึง 5 คน
และรองปลัดกระทรวงอีกจำนวนถึง 11 คน
การเดินทางไปยังกลุ่มประเทศอินโดจีนในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ และสร้างเครือข่าย
จะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างชาวจามกับโลกมลายูนั้นไม่เพียงมีในปัจจุบันเท่านั้น
แต่มีมานานแล้ว และจะยังคงมีต่อไป
ชาวจามกำลังขายเครื่องแต่งกายมุสลิมในเมืองโฮชิมินห์
ประเทศเวียดนาม
ดร. พู วัน ฮั่น (ราชา อับดุลสามัด
ฮั่น) กับลูกศิษย์ผู้ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับชาวที่ราบสูงในกลุ่มมลายู-โปลีเนเซีย
โดย นิอับดุลรากิ๊บ
บินนิฮัสซัน
ระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม - 3 มิถุนายน 2556 รวมเป็นเวลา 12 วัน ทางข้าพเจ้าและนักศึกษาวิชาเอกมลายูศึกษา ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ฯ ม. สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้แบกเป้ลุยกลุ่มประเทศในอินโดจีน คือประเทศลาว เวียดนาม และกัมพูชา การเดินทางของคณะเราเป็นการเดินทางที่มีระยะทางกว่า 6 พันกิโลเมตร ทั้งเป็นการเดินทางโดยรถไฟและรถบัสประจำทาง
การเดินทางครั้งนี้เพื่อสัมผัสชนชาวจาม (Cham) นับว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่า ทำให้เราได้สัมผัสที่เป็นจริง
นอกเหนือจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับชนชาวจามในชั้นเรียน
ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เราได้ไปเยี่ยมมัสยิดอัลอัซฮาร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านโพนสวัสดิ์ใต้ เมืองสีโคกตะบอง นครหลวงเวียงจันทน์ ท่านอิหม่ามมัสยิดดังกล่าวได้อธิบายว่าชาวจามในนครหลวงเวียงจันทน์ทั้งหมดมีประมาณ 80 ครอบครัว ทั้งหมดล้วนอพยพมาจากประเทศกัมพูชา ส่วนหนึ่งก็ได้รับสัญชาติลาวแล้ว
ท่านอิหม่ามยังกรุณาพาคณะนักศึกษามลายูศึกษาไปเยี่ยมเยียนครอบครัวชาวจาม ครอบครัวหนึ่งกล่าวว่าเขามีรากเหง้ามาจากชาวมลายูในรัฐตรังกานู ประเทศมาเลเซีย และจนปัจจุบันเขาก็ยังมีพี่น้องอยู่ในรัฐต่างๆของประเทศมาเลเซีย
ส่วนการสัมผัสชนชาวจามในประเทศเวียดนามนั้น คณะนักศึกษามลายูศึกษาได้ไปเยี่ยมมัสยิดอัลนูร์ ในกรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม และไปเยี่ยมมัสยิดมัสยิดยามิอุลมุสลิมีน ซึ่งเป็นมัสยิดกลางของเมืองโฮชิมินห์ ได้มีโอกาสพบปะท่านอิหม่ามมัสยิดแห่งนี้ และสร้างความประหลาดใจแก่คณะนักศึกษามลายูศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อท่านอิหม่ามที่พูดภาษามลายูได้คล่องกล่าวว่าท่านเป็นชาวมลายูผสมกับชาวจาม มาจากจังหวัดอันเกียงของประเทศเวียดนาม ได้รับการศึกษาจากประเทศมาเลเซีย และเคยศึกษาศาสนาอิสลามที่ปอเนาะดาลอ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
ผู้เขียนยังได้พบเพื่อนเก่าของข้าพเจ้าคือ ดร. พู วัน ฮั่น หรือชื่อจามว่า ราชา อับดุลสามัด ฮั่น นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเวียดนามในเมืองโฮชิมินห์ โดยเขาได้อธิบายว่า ชาวจามนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ชาวจามตะวันออก หมายถึงชาวจามที่อาศัยอยู่ในประเทศเวียดนาม และชาวจามตะวันตก หมายถึงชาวจามที่อาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา
นอกจากนั้นยังได้อธิบายถึงขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีของชาวจามว่า
มีการยึดถือขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีโดยทางแม่ หรือ Matrilineal เหมือนกับชาวมีนังกาเบาของรัฐนัครีซัมบีลัน
มาเลเซีย และเกาะสุมาตรา อินโดเนเซีย
แต่ว่าการยึดถือขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีนี้ของชาวจามในปัจจุบันลดน้อยลง
ชาวจามมุสลิม (Cham
Muslim) เป็นกลุ่มชาวจามที่นับถือศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด ต่อมาคือชาวจามบานี (Cham Bani) เป็นกลุ่มชาวจามที่นำหลักการศาสนาอิสลามมาผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิม
มีคัมภีร์อัลกุรอ่านที่ไม่เหมือนกับคัมภีร์อัลกุรอ่านของชาวมุสลิมทั่วไป และสุดท้ายคือชาวจามยาต (Cham Jat) คำว่า ยาต หรือ Jat มาจากคำว่า Jati หมายถึงดั้งเดิม ชาวจามยาต
จึงเป็นกลุ่มชาวจามที่นับถือความเชื่อดั้งเดิม
ในประเทศเวียดนามนอกจากมีชาวจามแล้ว ยังมีกลุ่มชนที่ถูกรวมอยู่ในกลุ่มมลายู-โปลีเนเซียอีกหลายชนเผ่า เช่น ชาวเอเด หรือ ระแด (Ede, Rhade) ชาวราไกล(Raglai) ชาวจาไร(Jarai) และชาวจุรู(Churu)
สำหรับการเดินทางไปยังประเทศกัมพูชา แม้ว่าในอดีตชาวจาม
จะเป็นชนกลุ่มหนึ่งที่ถูกสังหารเป็นจำนวนมากจากยุคกลุ่มพลพตครองอำนาจ
แต่ในปัจจุบัน
ถือว่าชาวจามในประเทศกัมพูชาได้รับการยอมรับจากรัฐบาลประเทศกัมพูชาเป็นอันมาก
นายสาและห์ ยูนุส (Nors Sles) เพื่อนชาวจามกัมพูชาผู้มีตำแหน่งเป็นรองปลัดกระทรวงการศึกษา เยาวชนและการกีฬา กล่าวว่าในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็น มีชาวจามเป็นปลัดกระทรวงถึง 5 คน และรองปลัดกระทรวงอีกจำนวนถึง 11 คน
การเดินทางไปยังกลุ่มประเทศอินโดจีนในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ และสร้างเครือข่าย
จะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างชาวจามกับโลกมลายูนั้นไม่เพียงมีในปัจจุบันเท่านั้น
แต่มีมานานแล้ว และจะยังคงมีต่อไป
ดร. พู วัน ฮั่น (ราชา อับดุลสามัด
ฮั่น) กับลูกศิษย์ผู้ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับชาวที่ราบสูงในกลุ่มมลายู-โปลีเนเซีย