โดย นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน
ลูกหลานเชื้อสายวันฮุสเซ็น อัส-ซานาวีในประเทศชาวซาอุดีอาราเบีย
ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาวสามสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำอุมเราะห์กัน ทำให้ผู้เขียนนึกถึงเมื่อราวสี่สิบปีที่แล้ว เมื่อผู้เขียนได้เดินทางไปประเทศซาอุดีอาราเบีย ที่นั่นผู้เขียนได้ทำแผ่นสาแหรกตระกูล หรือที่เรียกว่า Salasilah มอบให้เครือญาติที่อยู่ที่นั่น ญาติที่เป็นรุ่นที่สอง รุ่นที่สามของกลุ่มชาวมลายูปาตานีที่อพยพไปตั้งถิ่นฐานในประเทศซาอุดีอาร้ฃาเบีย ญาติวัยผู้ใหญ่ที่พบปะเวลานั้น บางคนยังมีชีวิตอยู่ แต่บางคนคงตายจากไป ส่วนเด็กๆ แต่ละคนคงเติบโต มีวิถีชีวิตตามสังคมของประเทศซาอุดีอาราเบียที่ตนเองเกิด เมื่อประมวลความรู้ที่รับมา ทำให้เห็นว่า คนที่เป็นคนเชื้อสายปาตานี ค่อนข้างที่จะล้าหลังกว่า คนที่มีเชื้อสายมาเลเซีย หรืออินโดเนเซีย ผู้เขียนได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้หนึ่ง เขากล่าวว่า น่าจะด้วย ชาวมาเลเซีย หรืออินโดเนเซีย มีการศึกษาที่สูงกว่า เมื่อพบปะแลกเปลี่ยน หรือร่วมทุนทางธุรกิจกับคนซาอุดีอาราเบียที่มีเชื้อสายมาเลเซีย หรืออินโดเนเซีย ธุรกิจจึงก้าวหน้ากว่า กล่าวว่ามีชาวซาอุดีอาราเบียเชื้อสายปาตานีคนหนึ่ง ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีศึกษาธิการของซาอุดีอาราเบีย แต่ก็สามารถกล่าวได้ว่า ไม่มีสิ่งใดๆ เกิดขึ้นกับชุมชนบรรพบุรุษของอดีตรัฐมนตรีท่านนี้ เมื่อมองถึงชาวซาอุดีอาราเบียเชื้อสายอินโดเนเซียท่านหนึ่ง นายอาดีล อัล-มักกี (มักกะห์) สิ่งที่เขาทำกับประเทศบรรพบุรุษช่างใหญ่โต
นายอาดีล อัล-มักกี (มักกะห์)ชื่อของนายอาดีล อัล-มักกี (มักกะห์) เริ่มเป็นที่รู้จักของชาวอินโดเนเซีย เมื่อเขาเป็นหนึ่งกลุ่มคนที่ร่วมเดินทางกับกษัตริย์ซัลมาน อับดุลอาซีซ อัล-ซาอุด ไปเยี่ยมอินโดเนเซีย เมื่อปี 2017
นายอาดีล อัล-มักกี (มักกะห์) มีชื่อเต็มว่า นายอาดีล อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี เขามีความเป็นชาวซาอุดีอาราเบีย แต่เมื่อสังเกตรูปร่างของเขา มีความเป็นชาวมลายู มีการถามเขาว่า ทำไมเขายังสามารถพูดภาษามลายู(สำเนียงอินโดเนเซีย)ได้ ไม่ต่างจากชาวอินโดเนเซีย เขาตอบว่า ด้วยคุณแม่ของเขาบังคับให้เขาพูดภาษาภาษามลายู(สำเนียงอินโดเนเซีย) และภายในบ้านคุณแม่จะบังคับให้เขาภาษามลายู(สำเนียงอินโดเนเซีย) การที่เขาสามารถพูดภาษามลายู ได้คล่องแคล้ว ไม่ต่างกับชาวอินโดเนเซียทั่วๆไป จะเป็นประโยชน์ให้แก่เขาในอนาคต เขาเป็นเหลนของนักการศาสนาคนหนึ่งชื่อว่า นายกียัย ฮัจญีซัยนุล อารีฟิน โปฮัน ผู้เป็นนักการเมือง นักการศาสนาสังกัดนะห์ฎาตุลอุลามะ ในขณะเดียวกันก็เป็นวีรบุรุษแห่งชาติของอินโดเนเซีย นายกียัย ฮัจญีซัยนุล อารีฟิน โปฮัน เป็นรองนายกรัฐมนตรีในสมัยอาลี ซัสโตรอามีโจโยเป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี 1953 – 1955
สำหรับนายอาดีล อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี
ในการเดินทางไปอินโดเนเซีย และสื่อมวลชนอินโดเนเซียได้สังเกตและสัมภาษณ์เขา
ทำให้สามารถกล่าวได้ว่า นายอาดีล อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี จะเกิดและเติบโตในประเทศซาอุดีอาระเบีย
แต่เขาก็ไม่เคยลืมรากเหง้าความเป็นอินโดเนเซียของเขา จะเห็นได้จากคำสอนของคุณแม่ ทำให้นายอาดีล
อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี ยังสามารถพูดภาษามลายูได้
ไม่ใช่แค่เพียงเชื้อสายอินโดเนเซียเท่านั้นที่ทำให้นายอาดีล อับดุล มูนีฟ
มูฮัมหมัด มักกี เป็นที่รู้จัก
อีกหนึ่งสิ่งที่นายอาดีล อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี ภูมิใจคือผลงานในฐานะผู้ประกอบการรุ่นใหม่
ด้วยวัย 40 ปีกว่า นายอาดีล อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในซาอุดีอาระเบีย
ตั้งแต่อายุ 18 ปี นายอาดีล อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี ได้ประสบการณ์จากโลกธุรกิจด้วยการฝึกงานที่บริษัทของคุณพ่อ
พ่อของเขาเป็นเจ้าของธุรกิจจัดเลี้ยงที่ให้บริการแก่ผู้แสวงบุญฮัจญ์
ในปี 2006 นายอาดีล อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี ได้ก่อตั้งบริษัทของตนเองชื่อ Adil Makki Contracting Company (AMCO) ซึ่งดำเนินธุรกิจในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้าง ต่อมาบริษัทของเขาได้ร่วมมือกับรัฐวิสาหกิจของอินโดเนเซียเพื่อสร้างสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศซาอุดีอาระเบียในปี 2016
นายอาดีล อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี
ยังไม่พอใจกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จึงได้ขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจอื่นๆ
รวมถึงวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ในปี 2014 นายอาดีล อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด
มักกี ได้ก่อตั้งบริษัทชื่อ Edhafah Investments ปัจจุบันบริษัทได้สร้างศูนย์การค้าที่มีวิลล่า 6 หลัง ครอบคลุมพื้นที่ 1,800
ตารางเมตร ทางตอนใต้ของเมืองเจดดะห์ จิตวิญญาณความเป็นผู้ประกอบการของนายอาดีล
อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี ปรากฏชัดในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยคิงอับดุลอาซีซ
เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาธุรกิจระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยคิงอับดุลอาซิส
เขายังศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่วิทยาลัยปรินซ์สุลต่าน (Prince Sultan College) และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ
นายอาดีล อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี เคยดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายของหอการค้าซาอุดีอาระเบีย
และยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทสื่อและภาพยนตร์ของประเทศซาอุดีอาระเบียอีกด้วย
ด้วยความสำเร็จและความสำเร็จของเขา นายอาดีล อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี จึงได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ Most Inspiring Kingdom Leaders จากนิตยสารฟอร์บส์ในปี 2014
นอกจากความร่วมมือในโครงการที่ได้เซ็นสัญญาแล้ว นายอาดีล อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี ยังมีความร่วมมืออีกสามโครงการที่ได้เซ็นสัญญาถึงข้อตกลงการลงทุนในหลากหลายภาคส่วน เช่น โรงไฟฟ้าชีวมวล สถานพยาบาล และบริการด้านการท่องเที่ยวสำหรับพิธีฮัจญ์และอุมเราะห์
บริษัทก่อสร้างของรัฐแห่งหนึ่ง คือ บริษัท วิดยา การ์ยา ได้ตกลงเซ็นสัญญากับบริษัทของนายอาดีล
อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี ในโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยจำนวน
8,000 ยูนิตในประเทศซาอุดีอาระเบีย
มูลค่าการลงทุนสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายโรซาน โรเอสลานี ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งอินโดเนเซีย (Kadin) เปิดเผยว่า
ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างบริษัท วิดยา การ์ยา และกลุ่มบริษัทของนายอาดีล
อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี ในการประชุมทางธุรกิจของหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งอินโดนีเซีย
(Kadin) และคณะผู้แทนธุรกิจจากประเทศซาอุดีอาระเบีย
เมื่อมองนายอาดีล อับดุล มูนีฟ มูฮัมหมัด มักกี จะเห็นว่า ช่างมี Mindset ที่แตกต่างจากชาวซาอุดีอาราเบียเชื้อสายปาตานี เป็นอย่างมาก แม้ชาวซาอุดีอาราเบียเชื้อสายปาตานีจะมีจำนวนที่ไม่แตกต่างจากชาวซาอุดีอาราเบีย
เชื้อสายมาเลเซีย และอินโดเนเซีย แต่เมื่อกล่าวถึงความสำเร็จจะเห็นว่า ชาวซาอุดีอาราเบีย ถูกทิ้งห่างจนแทบจะไม่เห็นฝุ่น
ผู้เขียนมีญาติที่รู้จักและยังติดต่ออยู่ เป็นชาวซาอุดีอาราเบียเชื้อสายปาตานี
ได้พูดคุยกับเพื่อนนักธุรกิจสิงคโปร์ และเศรษฐีมุสลิมภูเก็ตว่า น่าจะใช้หรือร่วมทุนกับญาติผู้นี้ หรือผ่านญาติผู้นี้
เขาเป็นนายตำรวจ และจบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยคิงอับดุลอาซีซ
เมืองเจดดะห์เช่นกัน
Tiada ulasan:
Catat Ulasan