Ekonomi/Bisnis

Jumaat, 30 Ogos 2013

31 สิงหาคม วันชาติมาเลเซีย : ความจริงที่เราต้องรู้เกี่ยวกับประเทศมาเลเซีย

โดย นิอับดุลรากิ๊บ  บินนิฮัสซัน
สำหรับคนไทยโดยทั่วไป เรายังไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับประเทศมาเลเซียมากนัก หรือถ้าเรารู้ก็อาจรู้เพียงเล็กน้อย จนอาจเรียกได้ว่ารู้น้อยมาก ทั้งๆที่ประเทศมาเลเซียถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ถือได้ว่ามีปัญหากับประเทศไทยน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ
 
 
ที่เราเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศมาเลเซีย เช่นวันชาติ หรือวันเอกราชของประเทศมาเลเซีย ซึ่งโดยสภาพความเป็นจริงแล้ว เรายังมีความเข้าผิดๆเกี่ยวกับวันสำคัญของประเทศมาเลเซีย  ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับวันสำคัญของประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดต่อกับจังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลา และจังหวัดสตูล
วันที่ 31  สิงหาคม
เป็นวันชาติ หรือวันเอกราชของประเทศมาเลเซีย นั้นเป็นความเข้าใจของคนไทยโดยทั่วไป รวมทั้งคนมาเลเซียเองบางส่วนที่ไม่รู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของการจัดตั้งประเทศมาเลเซีย  ในความเป็นจริงแล้ว วันที่ 31  สิงหาคม ไม่ใช่เป็นวันเอกราชของประเทศมาเลเซีย ด้วยวันที่ 31  สิงหาคม 1957  เป็นวันเอกราชของประเทศมาลายา ซึ่งเป็นดินแดนในปัจจุบันของประเทศมาเลเซียที่ตั้งอยู่บนแหลมมลายู  โดยขณะที่ประกาศเอกราชของประเทศมาลายานั้น ยังไม่มีประเทศมาเลเซีย แต่ทางรัฐบาลมาเลเซียให้ความสำคัญกับ วันที่ 31  สิงหาคม มีการเฉลิมฉลองวันนี้อย่างใหญ่โต กลายเป็นที่เข้าใจว่า วันที่ 31  สิงหาคม เป็นวันเอกราช หรือวันชาติของประเทศมาเลเซีย ทั้งๆที่ขณะนั้นรัฐซาบะห์ และรัฐซาราวัค ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซียยังไม่ได้รับเอกราช ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ
วันที่ 16  กันยายน
เป็นวันจัดตั้งประเทศมาเลเซีย  ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลมาเลเซียให้ความสำคัญกับวันนี้น้อยมาก ในขณะที่ทางรัฐซาบะห์และรัฐซาราวัคจะให้ความสำคัญกับวันนี้เป็นอย่างมาก  ด้วยวันที่ 16  กันยายน 1963 เป็นวันที่ประเทศมาลายา รัฐซาบะห์ รัฐซาราวัค และสิงคโปร์ ได้ร่วมกันจัดตั้งประเทศมาเลเซีย แม้ต่อมาสิงคโปร์จะถูกให้ออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซียก็ตาม  ในขณะที่มีการจัดตั้งประเทศมาเลเซียนั้น ประเทศมาลายาได้รับเอกราชแล้วเมื่อ วันที่ 31  สิงหาคม 1957  ส่วนรัฐซาราวัคได้รับเอกราชจากอังกฤษแล้วเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 1963 และรัฐซาบะห์ ได้รับเอกราชจากอังกฤษแล้วเมื่อ 31  สิงหาคม 1963
การจัดตั้งประเทศมาเลเซียนี้ สำเร็จขึ้นมาได้ก็โดยรัฐซาบะห์เสนอเงื่อนไข 20 ประการ  ส่วนรัฐซาราวัคเสนอเงื่อนไข 18 ประการ เพื่อให้ประเทศมาลายายอมรับ เมื่อประเทศมาลายายอมรับแล้ว ทั้งสองรัฐจึงพร้อมเข้าร่วมในการจัดตั้งประเทศมาเลเซีย ส่วนหนึ่งของเงื่อนไขเหล่านั้นก็ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน เช่น
“มาเลเซีย” ต้องเป็นชื่อของประเทศที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่
ความเป็นจริงบรรดานักการเมืองในประเทศมาลายา พยายามที่จะให้ชื่อประเทศที่เกิดใหม่นี้ว่า ประเทศมลายูรายา หรือ Melayu Raya (The Great Malay)  แต่หนึ่งในเงื่อนไขของรัฐซาบะห์มีว่า ประเทศที่จัดตั้งใหม่นี้จะต้องใช้ชื่อว่าประเทศมาเลเซียเท่านั้น จะต้องไม่ใช้คำว่าประเทศมลายูรายา ด้วยกลุ่มชนเผ่าต่างๆในรัฐซาบะห์และรัฐซาราวัคนั้นมีมากมาย กลุ่มประชากรในรัฐซาบะห์นั้นชนกลุ่มใหญ่ประกอบด้วยชาวกาดาซันดูซุน ชาวบาจาว ชาวมูรุต ฯลฯ และรัฐซาราวัคนั้นชนกลุ่มใหญ่ประกอบด้วยชาวอีบัน ชาวมลานาว ส่วนชาวมลายูในทั้งสองรัฐซาบะห์และรัฐซาราวัคนั้นเป็นชนกลุ่มน้อย ไม่ใช่ชนกลุ่มใหญ่  ดังนั้นการใช้ชื่อประเทศใหม่นี้ว่า ประเทศมาเลเซีย จึงมีความเหมาะสมมากกว่า และชื่อมาเลเซีย หรือ Malaysia นี้ผู้ที่สร้างชื่อนี้ให้โด่งดังคือ Wenceslao Q. Vinzon นักการเมืองชาวฟิลิปปินส์ที่เขียนหนังสือชื่อว่า Malaysia Irredenta เป็นหนังสือที่เรียกร้องให้มีการรวมกลุ่มชาติพันธุ์มลายูเข้าด้วยกัน โดยเขียนในปี 1932  และเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาก็มีการค้นพบเอกสารในหอจดหมายเหตุรัฐซาบะห์ ในเอกสารที่ชื่อว่า Sabah Gazzete ฉบับปี 1897 ก็มีการบันทึกถึงคำว่า Malaysia และ Malaysian
“อำนาจพิเศษ”ของรัฐซาบะห์และรัฐซาราวัค
ในข้อเรียกร้องของรัฐซาบะห์และรัฐซาราวัค การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซียนั้น ขอสงวนอำนาจพิเศษของตนเอง เช่นอำนาจในการบริหารรัฐ อำนาจตรวจคนเข้าเมือง ดังนั้นสิ่งที่เราไม่ค่อยรับรู้คือแม้แต่ในปัจจุบัน ผู้คนจากรัฐต่างๆในประเทศมาเลเซียที่ตั้งบนแหลมมลายู หรือรัฐในอดีตประเทศมาลายา เมื่อต้องการเดินทางไปยังรัฐซาบะห์หรือรัฐซาราวัคสามารถจะอาศัยอยู่ในรัฐทั้งสองได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น ถ้าต้องการจะอยู่อาศัยนานกว่านั้นก็จำเป็นต้องทำ Work Permit หรือแม้แต่ข้าราชการจากรัฐในแหลมมลายู เมื่อต้องไปรับราชการในรัฐซาบะห์และรัฐซาราวัค ก็ต้องทำ Work Permit

ตัวอย่างหนังสือเดินทางของข้าราชการครูจากรัฐเปรัคที่ต้องเดินทางไปทำงานในรัฐซาราวัค

 


Tiada ulasan:

Catat Ulasan